หนุ่มใหญ่ประธานสภา อบต.โวย ถูกจับคดีปลอมแปลงเอกสาร และผิด พ.ร.บ.ทะเบียนราษฎร ศาลตัดสินจำคุก 3 ปี หลังรับโทษในเรือนจำ 10 เดือน ได้รับพิจารณาอภัยโทษปล่อยตัวออกมา จู่ๆถูกเรือนจำจังหวัดพะเยา เรียกตัวให้กลับไปรับโทษที่เหลืออีก 7 เดือนเศษ ลั่นขอสู้ถึงที่สุดให้ทนายยื่นอุทธรณ์ไม่ขอกลับเข้าคุก ด้าน “กรมราชทัณฑ์” แจงปมเหตุวุ่นวาย เพราะกระบวนการเลื่อนชั้นพิเศษนักโทษเด็ดขาดไม่ได้รับการอนุมัติ แถมยังติดช่วงโควิด-19 แพร่ระบาด ยันปฏิบัติตามขั้นตอนระเบียบและกฎหมายอย่างถูกต้องที่สำนักงานทนายความ คอนโด บี 1 บางใหญ่ซิตี้ ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีนายธีรพิพัฒน์ หรือเมศ พิพัฒนโสภณ อายุ 46 ปี ประธานสภา อบต.ศรีถ้อย อ.แม่สรวย จ.เชียงราย นำหลักฐานเข้าร้องเรียนกับนายเกียรติคุณ ต้นยาง หรือทนายโป้ง ประธานชมรมทนายจิตอาสา เพื่อขอความช่วยเหลือ หลังเรือนจำจังหวัดพะเยาปล่อยตัวออกมา แต่ภายหลังได้แจ้งให้กลับไปรับโทษที่เหลืออีก 7 เดือนนายธีรพิพัฒน์ให้ข้อมูลอ้างว่า ตนถูกจับกุมข้อหาปลอมแปลงเอกสาร และผิด พ.ร.บ.ทะเบียนราษฎร ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 3 ปี ตนอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง ศาลฎีกาพิพากษาตามศาลชั้นต้น เข้าเรือนจำวันที่ 7 เม.ย.64 ระหว่างอยู่ในเรือนจำได้รับอภัยโทษ 2 ครั้ง ปล่อยตัวออกมาวันที่ 7 ก.พ.65 รวมติดอยู่ในเรือนจำ 10 เดือน ที่ได้ลดโทษเนื่องจากได้เลื่อนชั้นพิเศษตามคำสั่ง รมว.ยุติธรรม เพราะโทษไม่เกิน 3 ปี หลังปล่อยตัวมาได้ 11 วัน จู่ๆมีหนังสือยกเลิกไม่ให้ชั้นพิเศษตนในเดือน ต.ค.64 แต่คำสั่งนี้ออกมาภายหลังหลายเดือน ต่อมาเรือนจำมีหนังสือให้ไปรายงานตัวที่ศาลจังหวัดพะเยา สอบถามเจ้าหน้าที่เรือนจำบอกว่าขั้นตอนปล่อยตัวผิดพลาด ให้ตนกลับไปรับโทษที่เหลืออีก 7 เดือนเศษ ตอนนี้ได้ให้ทนายยื่นอุทธรณ์ คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 5“รู้สึกไม่สบายใจ หลังออกมาได้ลงทุนทำธุรกิจหลายอย่าง แต่จู่ๆมาเรียกให้กลับเข้าไปรับโทษแล้วใครจะช่วยดูแลธุรกิจที่ทำไว้ ตอนนี้ออกมาได้ 7 เดือนแล้ว อยากให้กรมราชทัณฑ์ช่วยตรวจสอบเอกสาร การให้ชั้นพิเศษ ทำไมไม่ให้ช่วงเวลาที่ใกล้กัน แต่ทิ้งเวลาห่างกันเกินไป บอกกับตนว่าสั่งยกเมื่อเดือน ต.ค.64 แต่คำสั่งออกมา ก.พ.65 คนที่ถูกปล่อยตัวไปแล้วจะทำอย่างไร แต่ถ้าศาลสั่งมาให้กลับไปติดคุก ตนก็คงต้องไป” นายธีรพิพัฒน์กล่าวต่อมาเวลา 16.00 น. วันที่ 12 ก.พ. กรมราชทัณฑ์ ได้ออกเอกสารชี้แจงกรณีดังกล่าวข้างต้นว่า กระบวน การเลื่อนชั้น เริ่มต้นตั้งแต่เรือนจำฯ จัดประชุมคณะทำงาน เพื่อตรวจสอบการเลื่อนชั้นนักโทษเด็ดขาดประจำเรือนจำ และเรือนจำส่งเอกสารรายงานการเลื่อนชั้นมายังกรมราชทัณฑ์ จากนั้นกรมราชทัณฑ์ตรวจสอบความถูกต้อง และเสนอต่อปลัดกระทรวงยุติธรรม เพื่อพิจารณาอนุมัติตามกำหนดเวลา แต่ในทางปฏิบัติที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่เรือนจำจังหวัดพะเยาเคยพิจารณาว่าอนุมัติการเลื่อนชั้นได้ และได้คิดคำนวณโทษตามหลักการเลื่อนชั้นเป็นชั้นเยี่ยม เป็นเกณฑ์การพิจารณาปล่อยตัวก่อนกำหนดโทษที่เหลืออีก 7 เดือน หลังจากปล่อยตัวไปแล้ว กระทรวงยุติธรรมได้มีหนังสือลงวันที่ 9 ก.พ.65 แจ้งผลการพิจารณาไม่อนุมัติการเลื่อนชั้นของกลุ่มนักโทษดังกล่าวตามหลักการ และกรมราชทัณฑ์ได้มีหนังสือลงวันที่ 18 ก.พ.65 แจ้งผลไม่อนุมัติเลื่อนชั้นนักโทษเด็ดขาดของเรือนจำจังหวัดพะเยา ส่งผลให้การพิจารณาการเลื่อนชั้นของนายธีรพิพัฒน์ที่ผ่านมาไม่ได้รับการเลื่อนชั้น ทำให้ต้องกลับมารับโทษที่เหลืออยู่ต่อไปทั้งนี้ เรือนจำจังหวัดพะเยาได้แจ้งนายธีรพิพัฒน์ ถึงผลการไม่อนุมัติการเลื่อนชั้น และให้กลับมารับโทษที่เหลืออยู่ แต่ได้รับการปฏิเสธ ทางเรือนจำได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้นายธีรพิพัฒน์กลับมารับโทษที่เหลือ ศาลมีรายงานกระบวนการพิจารณาตามคดีหมายเลขดำที่ อ 651/2560 คดีหมายเลขแดง ที่ อ 405/ 2560 ลงวันที่ 31 พ.ค.65 วรรคท้าย ให้กลับมารับโทษที่เหลืออยู่จำนวน 7 เดือน 29 วัน อีกทั้งกรมราชทัณฑ์ได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าว ว่าได้มีการปฏิบัติถูกต้องตามระเบียบหรือไม่ อย่างไรกรมราชทัณฑ์ขอเรียนเพิ่มเติมว่า กรณีดังกล่าวนี้ เป็นการปฏิบัติตามขั้นตอนของระเบียบและกฎหมาย มิได้มีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อเอื้อประโยชน์ต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง และกรณีดังกล่าวมีนักโทษเด็ดขาดขอพิจารณาการเลื่อนชั้น จำนวน 71,754 ราย ใช้เวลา 3 เดือน อยู่ในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดโรคโควิด-19 เมื่อสถานการณ์คลี่คลายลง ไม่อนุมัติให้เลื่อนชั้น ทำให้เรือนจำจังหวัดพะเยาและเรือนจำอื่นๆ ที่อยู่ในหลักเกณฑ์การขออนุมัติ มิได้รับการอนุมัติด้วยเช่นกัน สำหรับในส่วนของเรือนจำจังหวัดพะเยา จำนวน 241 ราย มีผู้ต้องขังเพียง 2 ราย ที่ได้รับการปล่อยตัว ส่งผลให้ทั้งคู่ต้องกลับมารับโทษจำคุกต่อและ 1 ใน 2 รายได้กลับเข้ามารับโทษจำคุกต่อแล้ว สำหรับนายธีรพิพัฒน์ปฏิเสธการกลับเข้ามาคุมขังภายในเรือนจำดังกล่าว