สะท้อนใจปัญหาสังคม ครอบครัว พ่อ-แม่ ลูกสอง ถูกแก๊งปล่อยเงินกู้ดอกโหดร้อยละ 60 ต่อเดือน สั่งลูกน้องตามทวงหนี้ถึงบ้านและโรงเรียนลูก ต้องระหกระเหินอาศัยรถสองแถวของผู้เป็นพ่อเป็นที่หลับนอนตามปั๊มน้ำมันและวัด เกือบคิดสั้นกระโดดน้ำตายทั้งครอบครัว โชคดีที่เพจดัง “สายไหมต้องรอด” รู้เรื่อง พาเข้าขอความช่วยเหลือกับตำรวจสน.มีนบุรี ผู้เป็นแม่เผยถูกกดดันจนลูกชายทนไม่ไหวร้องขอให้พาไปขายไตเพื่อนำเงินมาชำระหนี้เพจดังช่วยเหลือครอบครัวเจอปัญหาเงินกู้ดอกเบี้ยโหด โดยเมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 4 ก.ค. นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจ “สายไหม ต้องรอด” พานางบุญตรี ชาวกล้า อายุ 45 ปี อาชีพช่างเย็บผ้า เข้าพบ พ.ต.อ.รัฐศักดิ์ รักสลาม รอง ผบก.น. 3 พ.ต.อ.กฤษ ก้อมน้อย ผกก.สน.มีนบุรี เพื่อขอความช่วยเหลือหลังถูกแก๊งปล่อยเงินกู้ดอกโหดร้อยละ 60 ตามล่าทวงหนี้ ต้องพาลูก 2 คน และสามี หนีตายใช้ชีวิตบนรถสองแถวขับจอดนอนตามวัดและปั๊มน้ำมัน ก่อนจะตัดสินใจกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ให้คนช่วยรับลูก 2 คนไปดูแลต่อ เพจ “สายไหมต้องรอด” ทราบเรื่องจึงช่วยเหลือไว้ทันนายเอกภพเปิดเผยว่า เมื่อคืนวันที่ 3 ก.ค. เพจ “สายไหมต้องรอด” รับเรื่องขอความช่วยเหลือ กรณีมีพ่อแม่และลูกเล็กชาย-หญิงอีก 2 คน ที่พักอาศัยอยู่ในย่านซอยรามคำแหง 188 ถนนรามคำแหง แขวงและเขตมีนบุรี กทม. เตรียมตัวจะกระโดดน้ำ ฆ่าตัวตายเพราะติดหนี้นอกระบบดอกโหด ถูกตามทวงหนี้ขู่เอาชีวิตต้องหนีไปนอนตามวัดและปั๊มน้ำมัน ใช้ชีวิตบนรถสองแถวเพราะหัวหน้าครอบครัวเป็นโชเฟอร์รถสองแถว แถมค้างค่าเช่าบ้านอีก 2,000 บาท จึงเดินทางไปพูดคุยรับทราบปัญหาและทำความเข้าใจ ทำให้ทั้งหมดสบายใจเลิกคิดสั้น ก่อนพาเข้าพบตำรวจ บก.น.3 เจ้าของพื้นที่ เพื่อเป็นตัวกลางเจรจาหาทางออก เนื่องจากทั้งหมดไม่มีเจตนาโกง แต่ถูก เจ้าหนี้คิดดอกเบี้ยสูงเกินกว่ากฎหมายกำหนด อยากฝากถึงเจ้าหนี้ช่วยผ่อนผันเข้ามาพูดคุยและขอความเป็นธรรมให้ลูกหนี้รายนี้ด้วยนางบุญตรีกล่าวว่า เมื่อช่วงต้นปี กู้เงินนอก ระบบมาทั้งหมด 7 เจ้าจากใบปลิวที่ติดอยู่หน้าบ้าน กู้มาเจ้าละ 5,000-10,000 บาท ต้องจ่ายดอกเบี้ยร้อยละ 60 ต่อเดือน จ่ายเจ้าละ 200 บาท ทั้งหมด 7 เจ้า รวมต้องจ่าย 1,400 บาทต่อวัน จนกว่าจะมีเงินต้นมาคืน ที่ต้องกู้เพราะไม่มีเงินจ่ายค่าเทอมลูก ค่าเครื่องแบบและอุปกรณ์การเรียน กระทั่งสัปดาห์ที่ผ่านมาหาเงินไม่ทันไม่มีเงินใช้หนี้ ถูกเจ้าหนี้โทร.มาข่มขู่ส่งลูกน้องขับรถ จยย.มาที่หน้าบ้านเอาน้ำฉีด เข้าไปในบ้าน ทำให้ข้าวของเครื่องใช้เสียหาย ทั้งยัง ขับรถ จยย.ไปดักรอลูกของตนที่โรงเรียน เกิดความกลัว ต้องอยู่แบบหลบๆซ่อนๆใช้ชีวิตบนรถสองแถวขับตระเวนไปนอนตามวัดและปั๊มน้ำมัน นอกจากเป็นหนี้ที่กู้แล้วยังค้างค่าเช่าบ้านอีก 2,000 บาท ชีวิตลำบากมากถึงขั้นลูกชายเคยบอกว่า “แม่พาหนู ไปขายไตหน่อย” เพื่อมีเงินมาใช้หนี้“เมื่อไปขอความช่วยเหลือใครไม่ได้ ไม่มีทางออกมืดแปดด้าน ตัดสินใจจะไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตายพร้อมกันทั้งครอบครัว ดิฉันถามลูกและสามีทุกคนเงียบไม่มีคำตอบ จึงบอกไปว่าให้ลูกอยู่กับพ่อ ส่วนดิฉันจะไปกระโดดน้ำตายคนเดียว จากนั้นดิฉันโทร.ประสานเพจสายไหมต้องรอด ให้ช่วยมารับลูก ทั้ง 2 คนไปดูแลต่อ แต่เมื่อได้พูดคุยกับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ แล้วทำให้มีความหวัง ก่อนเดินทางมา สน.มีนบุรี เพื่อให้ตำรวจช่วยเจรจากับเจ้าหนี้ ยืนยันดิฉันไม่ต้องการแจ้งความดำเนินคดีและยินดีชดใช้หนี้ให้ทั้งหมด” นางบุญตรีกล่าวด้าน พ.ต.อ.รัฐศักดิ์ รักสลาม รอง ผบก.น.3 กล่าวว่า ตำรวจเตรียมเจรจากับเจ้าหนี้ทั้งหมด เพื่อหาทางออกให้ ส่วนไหนที่ถูกต้องตามกฎหมายก็ให้ดำเนินการไปตามปกติ แต่ส่วนไหนที่ผิดกฎหมาย อาทิ พ.ร.บ.ทวงหนี้ พ.ร.บ.เรียกเก็บดอกเบี้ยเกินกว่า อัตราที่กฎหมายกำหนด ในส่วนนี้ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริง ส่วนความปลอดภัยของผู้เสียหาย จะจัดสายตรวจไปดูแลบ้านพักให้ เนื่องจากเจ้าหนี้ไปดักรอ ถึงหน้าบ้าน ส่วนการค้างค่าเช่าบ้านจนถูกเจ้าของบ้าน ให้ย้ายออก เตรียมส่งตำรวจ สน.มีนบุรี เข้าไปเจรจาขอผ่อนผันให้ครอบครัวนี้อยู่ต่อมีรายงานว่า หลังตำรวจ บก.น.3 และ สน.มีนบุรี ทราบเรื่องได้บรรเทาความเดือดร้อนของครอบครัวนี้ไปบางส่วน เบื้องต้น พ.ต.อ.ชูชัย จับเทียน ผกก. (สอบสวน) บก.น.3 ช่วยเหลือจ่ายเงินค่าเช่าบ้าน ที่ครอบครัวนี้ค้างไว้เป็นเงิน 2,000 บาท ให้กับเจ้าของ บ้านเช่า ก่อนให้ทั้งหมดกลับเข้ามาพักอาศัยอยู่ที่บ้าน หลังเดิม พร้อมประสานตำรวจสายตรวจ สน.มีนบุรี ตรวจตรารักษาความปลอดภัยให้กับครอบครัวนี้แล้ว