นายสราวุธ ชีวะประเสริฐ รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เผยถึงผลการจัดทำโครงการศึกษาการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ และแผนหลักการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำพื้นที่ลุ่มน้ำแม่กลอง เพื่อทบทวนวิเคราะห์การดำเนินงานพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ศึกษาโครงการที่ผ่านมา พร้อมประเมินผลการดำเนินงานในช่วงปี พ.ศ.2561-2564 และแผนปฏิบัติการการบริหารทรัพยากรน้ำปี พ.ศ.2565-2570 รองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจของลุ่มน้ำแม่กลอง โดยเฉพาะการสร้างความมั่นคงของน้ำภาคการเกษตร จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องดำเนินการเร่งด่วน “เราพบว่ามีโครงการสำคัญๆที่ต้องเร่งรัดดำเนินการในปี 66-70 (ระยะสั้น) อาทิ โครงการสถานีสูบน้ำกลอนโด-รางสาลี่ โครงการประตูระบายน้ำพร้อมอาคารประกอบบ้านสวนผึ้ง ขณะที่ในระยะยาว (ปี 71-80) มีโครงการที่สำคัญ อาทิ โครงการอ่างเก็บน้ำลำตะเพินบนและระบบผันน้ำ โครงการขยายความจุอ่าง เก็บน้ำลำอีซู โดยที่ผ่านมาลุ่มน้ำแม่กลองประสบกับภาวะภัยแล้งอยู่เสมอในช่วงเดือนมกราคม-มิถุนายนของทุกปี ในส่วนของการจัดการน้ำอุปโภค-บริโภคในภาพรวม ประชากรในพื้นที่ลุ่มน้ำแม่กลองมีน้ำใช้กว่าร้อยละ 80 แต่ยังคงมีปัญหาน้ำอุปโภคบริโภคไม่เพียงพอ โดยมีหมู่บ้านที่ยังขาดแคลนระบบประปากระจายตัวอยู่ใน 8 ลุ่มน้ำสาขา มี 5 จังหวัด 12 อำเภอ 20 ตำบล 34 หมู่บ้าน” รองเลขาธิการ สทนช. เผยอีกว่า ผลการศึกษายังพบปัญหาน้ำท่วมบริเวณจุดบรรจบลำน้ำสาขา เช่น ลำภาชีกับแม่น้ำแควน้อย ลำตะเพินกับแม่น้ำแควใหญ่ และบริเวณที่ราบลุ่มปากแม่น้ำ และชายฝั่งทะเลของลุ่มน้ำแม่กลอง รวมถึงปัญหาด้านคุณภาพน้ำบริเวณที่ราบริมแม่น้ำแม่กลองและปากแม่น้ำจากชุมชน สารเคมีจากการเกษตรและปศุสัตว์ ซึ่งจากการลงพื้นที่ ประตูระบายน้ำบางหัวหญ้า เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่เป็นตัวอย่างที่สามารถต่อยอดการพัฒนาคุณภาพน้ำโดยการใช้ประตูน้ำบานหับเผยและการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ ในการบริหารจัดการกิจกรรมการใช้น้ำที่หลากหลายตามสภาพน้ำที่เป็นอยู่ทั้งน้ำจืด น้ำกร่อย และน้ำเค็ม ซึ่งแตกต่างจากพื้นที่น้ำจืดทั่วไป เพราะต้องคอยระวังไม่ให้น้ำเค็มรุกล้ำเข้ามาทำลายแปลงผัก นาข้าว และบ่อปลาสลิด “เราต้องระวังไม่ให้น้ำจืดระบายลงพื้นที่ท้ายน้ำรวดเร็วและมากไป เพราะกระทบต่อสัตว์น้ำกร่อยที่เลี้ยงไว้ อย่างกุ้งและปลาน็อกน้ำตาย ฉะนั้นการใช้ประตูน้ำบานหับเผย ทำให้น้ำจืดระดับ 30-50 เซนติเมตร ที่มักท่วมพื้นที่นาข้าวถูกระบายออกไปทางฝั่งน้ำเค็มแทน แล้วผสมกับน้ำเค็มเป็นน้ำกร่อย ในขณะที่น้ำทะเลหนุนขึ้นมาก็ไม่สามารถผ่านประตูระบายน้ำบานหับเผยเข้ามาในพื้นที่น้ำจืดได้ ผลที่ตามมาคือน้ำในคลองฝั่งน้ำจืดเกิดการไหลเวียน ไม่ท่วม และเน่าเสีย ส่วนฝั่งน้ำเค็มได้น้ำกร่อยที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของสัตว์น้ำ เท่ากับได้รับประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย พร้อมทั้งลดทอนความขัดแย้งไปในตัวด้วย” รองเลขาธิการ สทนช.กล่าวต่อไปว่า นอกจากแนวทางการบริหารจัดการน้ำจืด น้ำกร่อย และน้ำเค็ม ผลการศึกษาครั้งนี้ได้เสนอแนะให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาล เร่งทำการศึกษาศักยภาพของแหล่งน้ำใต้ดินให้ชัดเจน และศักยภาพการเติมน้ำใต้ดินในพื้นที่ลุ่มน้ำในรายละเอียดถึงระดับหมู่บ้าน ซึ่งผลการศึกษาจะเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคได้ดี เพื่อนำผลการศึกษาไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมโดยเร็ว.