จัดบิ๊กคลีนนิ่งเดย์หาดแม่รำพึง รอรับนักท่องเที่ยวกลับมาเล่นน้ำทะเล หลังไม่พบคราบน้ำมันขึ้นฝั่งแล้ว ทหารเรือยังตรึงกำลังเฝ้าระวังตลอด 24 ชม. รอง ผวจ.ระยอง เรียกบริษัท SPRC มาชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่องปริมาณน้ำมันดิบรั่วไหลที่แท้จริง ปริมาณคราบน้ำมันที่ยังตกค้างในทะเล พร้อมกำชับตรวจสอบน้ำมันค้างท่อไม่เกิดเหตุซ้ำรอย ประธาน ทสม.ระยอง วอนนายกฯจี้ รมว. 3 กระทรวง “พลังงาน คมนาคม อุตสาหกรรม” ทำงานให้เป็นรูปธรรมกว่านี้ กรมควบคุมมลพิษแจ้งความเอาผิดคนทำน้ำมันรั่วรอบ 2ปฏิบัติการเก็บกู้น้ำมันดิบรั่วไหลครั้งที่ 2 จากทุ่นผูกเรือน้ำลึกของบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC กลางทะเลระยอง ขณะเจ้าหน้าที่เคลื่อนย้ายท่อใต้ทะเลจุดที่น้ำมันรั่วครั้งแรก ทำให้มีน้ำมันค้างท่อกว่า 5,000 ลิตร ทะลักออกมา มวลคราบน้ำมันที่อยู่กลางทะเลถูกกำจัดเกือบหมดแล้ว มั่นใจว่าจะไม่มีคราบน้ำมันขึ้นฝั่งชายหาดแม่รำพึงอีกที่ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ส่วนหน้า จ.ระยอง หมู่บ้านสบายสบายรีสอร์ท หาดแม่รำพึง อ.เมืองระยอง ช่วงบ่ายวันที่ 14 ก.พ. ว่าที่ ร.ต.พิรุณ เหมะรักษ์ รอง ผวจ.ระยอง กล่าวภายหลังเรียกประชุมติดตามความคืบหน้าการเก็บกู้คราบน้ำมันว่า วันนี้ได้เรียกบริษัท SPRC มาชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่องปริมาณน้ำมันดิบที่รั่วไหล หลังประชาชนเคลือบแคลงใจข้อมูลตัวเลขที่เผยแพร่ออกมายังไม่ชัดเจน ให้บริษัทไปคำนวณตัวเลขปริมาณที่แท้จริงและตรวจสอบว่ายังมีน้ำมันค้างท่ออยู่อีกหรือไม่ พร้อมตรวจสอบปริมาณน้ำมันที่หลงเหลือในทะเลว่ามีจำนวนที่แท้จริงเท่าไหร่ เพื่อจะได้ตอบข้อซักถามและสร้างความเชื่อมั่นกับประชาชน ส่วนก้อนน้ำมันสีดำเล็กๆที่ขึ้นตามชายหาด มีเจ้าหน้าที่เข้าเก็บไปตรวจสอบแล้ว จากการตรวจสอบทุกจุดของหาดแม่รำพึง ขณะนี้ไม่พบว่ามีคราบน้ำมันขึ้นมาแล้ว มีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเฝ้าระวังชายหาดและนักประดาน้ำดำดูสภาพใต้ทะเลทุกวันส่วนบริเวณชายหาดแม่รำพึง มีเจ้าหน้าที่ทหารทัพเรือภาคที่ 1 บริษัท SPRC และประชาชนจิตอาสา ร่วมกิจกรรมบิ๊กคลีนนิ่งเดย์ ช่วยกันเก็บขยะตลอดแนวชายหาด เพื่อให้มีความสะอาดและสวยงาม ส่งเสริมภาพลักษณ์แหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดระยอง เตรียมพร้อมรับนักท่องเที่ยวให้กลับมานั่งชายหาดเล่นน้ำทะเลกันได้เหมือนเดิมผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 11 ก.พ. กองทัพเรือ โดยศูนย์บรรเทาสาธารณภัย ทัพเรือภาคที่ 1 ส่งกำลังพลจากหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง แบ่งชุดสำรวจคราบน้ำมัน และเก็บขยะริมชายหาดที่ถูกน้ำทะเลซัดมาตลอด 24 ชม. ขยะที่เก็บขึ้นมาจะคัดแยกเป็น 2 ส่วน คือขยะทั่วไป และขยะที่สมมติฐานว่ามีสารเคมีตกค้างหรืออาจมีคราบน้ำมัน โดยขยะทั่วไปจะใส่ถุงดำนำรวมไว้ส่งต่อให้ อบต.ตะพง นำไปกำจัดตามขั้นตอน ส่วนขยะที่สมมติฐานว่าจะมีสารเคมีต่างๆ จะใส่ในถุงดำส่งให้บริษัท SPRC ไปตรวจสอบก่อนจะนำไปกำจัดตามขั้นตอน ถึงแม้สถานการณ์บริเวณชายหาดจะยังไม่มีคราบน้ำมันขึ้นมาอีก แต่ทัพเรือภาคที่ 1 ยังคงจัดกำลังพลสนับสนุนช่วยเหลือการปฏิบัติในด้านต่างๆจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายนายสุรินทร์ สินรัตน์ ประธานเครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้าน (ทสม.) จ.ระยอง กล่าวว่า เหตุน้ำมันรั่วไหลกลางทะเลระยอง อยากฝากถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ให้จี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงพลังงาน คมนาคม และอุตสาหกรรม ให้ดำเนินการที่เป็นรูปธรรมกว่านี้ ไม่เคยออกมาให้ความมั่นใจกับประชาชนที่เคลือบแคลงใจเรื่องปริมาณของน้ำมันที่รั่วไหล การบริหารจัดการ มาตรการของหน่วยงานภาครัฐ และบริษัทต้นตอมีความเป็นสากลหรือไม่ สิ่งที่อยากเห็นเป็นรูปธรรมคือให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องออกมายืนยันว่าระดับนโยบายจะดำเนินการอย่างไร เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะการเร่งรัดตรวจสอบปริมาณน้ำมันที่รั่วไหล 2 รอบ และการจัดการเยียวยาให้ผู้ได้รับผลกระทบโดยเร็วที่สุดด้านนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ มอบให้นายพิทยา ปราโมทย์วรพันธุ์ ผอ.กองกฎหมาย รักษาการรองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ และนายอาวีระ ภัคมาตร์ ผอ.สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 13 (ชลบุรี) ไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.มาบตาพุด อ.เมืองระยอง ให้หาตัวผู้กระทำผิดกรณีน้ำมันรั่วไหลครั้งที่ 2 มาลงโทษตามกฎหมาย ก่อนหน้านี้เคยมากล่าวโทษไว้เมื่อวันที่ 31 ม.ค. กรณีน้ำมันรั่วไหลครั้งแรกเมื่อวันที่ 25 ม.ค. และมาเกิดเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันอีกครั้งเมื่อวันที่ 10 ก.พ. มีน้ำมันรั่วไหลออกมาประมาณ 5,000 ลิตรอธิบดีกรมควบคุมมลพิษกล่าวต่อไปว่า น้ำมันดิบที่รั่วไหลลงไปในทะเลอาจจะเป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิตหรือสิ่งแวดล้อม หรือเป็นอันตรายต่อการเดินเรือในทะเล เข้าข่ายเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456 มาตรา 119 ทวิ มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และต้องชดใช้เงินค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไปในการแก้ไขสิ่งเป็นพิษหรือชดใช้ค่าเสียหายเหล่านั้น นอกจากนี้ยังอาจจะเป็นความผิดทางอาญาตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย หากมีข้อเท็จจริงเพิ่มเติมจะส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป