ปัจจุบันแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลบไปตั้งฐานกระทำผิดที่ประเทศเพื่อน บ้าน หลีกเลี่ยงถูกเจ้าหน้าที่ ไทยจับกุม ทำให้มีการเจริญเติบโตขยายตัวอย่างรวดเร็ว แบ่งเป็นหลายกลุ่ม มีวิวัฒนาการปรับเปลี่ยนรูปแบบ ระบาดหนักในเมืองไทยและมีผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อเพิ่มมากขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ห่วงใยประชาชนคนไทย เนื่องจากผู้เสียหายส่วนใหญ่ต้องสูญเสียเงินสะสมมาทั้งชีวิต บางรายถึงขั้นทำร้ายตัวเอง สั่งให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เร่งหามาตรการป้องกันและปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์พล.ต.อ.สุวัฒน์วางนโยบายการป้องกันปราบ ปรามด้วยตัวเองให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. และ ผอ.ศปอส.ตร (PCT) เป็น หัวหน้าควบคุมการปฏิบัติ เริ่มตั้งแต่รับแจ้งความออนไลน์เพื่อรวบรวมข้อมูลวิธีการกระทำผิดให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และสะดวกต่อผู้เสียหายที่ถูกหลอกโอนเงินเข้าแจ้งความ มีมาตรการเชิงรุกจัด ชุดลาดตระเวนออนไลน์ “online patrol” ตำรวจ บช.น. บช.ภ.1-9 บช.ก. บช.สอท.และศูนย์ PCT ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้เป็นระบบ ล่าสุดชุดลาดตระเวนออนไลน์ บก.สส. บช.ภ.2 รับการติดต่อจากผู้เสียหายซึ่งถูกหลอกไปทำงานคอลเซ็นเตอร์ที่เมืองสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา ผ่านแอปพลิเคชันโฆษณาว่า ทำงานเป็นพนักงานในกาสิโนประเทศกัมพูชา รับเงินเดือน 20,000 บาท ต้องออกช่องทางธรรมชาติ มีรถมารับ แต่เมื่อไปถึงไม่เป็นไปตามข้อตกลง ถูกบังคับทำงานร่วมขบวนการหลอกคนไทย มีคนจีนเป็นหัวหน้าขบวนการให้เหยื่อใช้แอปพลิเคชันแสดงตัวเป็นผู้หญิงหลอกลวงเหยื่อคนไทย คนที่ไม่สมัครใจไม่อยากทำ แต่กลับไม่ได้ มี นายปอ หนวดงาม คนไทยเป็นหัวหน้าทีม หากเหยื่อต้องการกลับต้องนำเงินมาไถ่ตัว 1 แสนบาท ผู้เสียหายไม่มีเงิน ขอความช่วยเหลือตำรวจชุด PCT และสืบสวนภาค 2 เข้าช่วยเหลือไถ่ตัวเหยื่อออกมาเหยื่อที่ไถ่ตัวออกมาบอกว่า คอลเซ็นเตอร์มีออฟฟิศอยู่ที่ จ.พระสีหนุ ตอนใต้ของประเทศกัมพูชา มีโค้ชชาวจีนผู้ฝึกสอนแก๊งคอลเซ็นเตอร์มีล่ามคนไทยแปลภาษาไทยฝึกสอนคนไทยเรียนรู้วิธีการกระทำผิด หากหลอกลวงเหยื่อได้จะได้รับการยกย่องหรือการแสดงความยินดีด้วยวิธีการตีระฆัง ปรบมือ และได้รับรางวัลพิเศษเป็นเครื่องโทรศัพท์ไอโฟน 13 พร้อมเงินส่วนแบ่ง 3-5 เปอร์เซ็นต์ของยอดเงินที่หลอกลวงเหยื่อคนไทยมาได้หากเหยื่อไม่ยินยอมทำงานหรือไม่มีผลงานหลอกเงินจะถูกจับคล้ายทาส ถูกกักขัง หากขัดขืนไม่ทำงานจะถูกทารุณ หากเป็นหญิงสาวบางรายถูกล่วงละเมิดทางเพศ ถูกขายต่อให้กับแก๊งอื่นเหมือนติดอยู่ในขุมนรกพล.ต.อ.สุวัฒน์ สั่งให้เปิดปฏิบัติการ “บูรพา 491 ทลายคอลเซ็นเตอร์” ตัดวงจรส่งคนไทยข้ามแดน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.อิทธิพร โพธิ์ทอง รอง ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.ภ.2 หน.ชุดปฏิบัติการ PCT ชุดที่ 5 พล.ต.ต. พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม.หน.ชุดปฏิบัติการ PCT ชุดที่ 1 พล.ต.ต.ณัฐพงษ์ สัตยานุรักษ์ ผบก.ภ.จ.สระแก้ว มอบ พ.ต.อ.สหัส ใจเย็น รอง ผบก.สส.บช.ภ.2 พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง ผกก.(สอบสวน) บก.สส.ภ.2 พ.ต.อ.อิทธิพร จิรัตนานนท์ ผกก.ปพ.บก.สส.ภ.2 พ.ต.อ.ธนเสฏฐ์ ประชาชัยศรี ผกก.สืบสวน 3 บก.สส.ภ.2 พ.ต.อ.จตุรภัทร สิงหัษฐิต ผกก.สส.ภ.จ.สระแก้ว พ.ต.ต.มาโนชย์ ทองแก้ว สว.กก.3 บก.สส. ภ.2 พ.ต.ต.คณิตนนท์ ถนอมศรี สว.กก.1 บก.สส. ภ.2 ร.ต.อ.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ รอง สว.กลุ่มงานข่าว บก.ขส. กับพวกชุดปฏิบัติการ PCT ชุดที่ 1 และชุดที่ 5 บก.สส.ภ.2 และ กก.สส.จ.สระแก้วชุดสืบสวนทราบว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อยู่ในฝั่งไทยมีสองสามีภรรยา ทำหน้าที่ประสานงานกับหัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์คนไทยในกัมพูชา คอยจัดหาคนไทยไปทำงานผ่านเว็บไซต์จัดหางานฝั่งกัมพูชา ล่อลวงว่ามีรายได้ดี งานสบาย เมื่อมีคนหลงเชื่อจะขับรถไปรับถึงบ้านและนำพาไปส่งข้ามชายแดนฝั่งกัมพูชา คณะทำงานรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับ ค้นเซฟเฮาส์ฝั่งชายแดนเป็นที่พักคนไทยก่อนเดินทางข้ามไปทำงานประเทศกัมพูชา จับกุมนาย ณฐกร ควงวงค์ อายุ 28 ปี และ น.ส.อ้อยใจ โคตรรัมย์ อายุ 34 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดสระแก้วการสืบสวนพบข้อมูลเชื่อมโยงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 2 แก๊งใหญ่ในประเทศกัมพูชา รวมทั้งสิ้น 71 หมาย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ นำทีมทำงาน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.ภ.2 พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม. พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รอง ผบก.สส.สตม. พ.ต.อ.รัฐโชติ โชคคุณ รองผบก.สส.สตม. พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผบก.สอบสวน บก.สส.สตม. พ.ต.อ.ปริญญา กลิ่นเกษร ผบก.ตม.จ.สมุทรปราการ เข้าพบ พลเอกเซา ซกคา รอง ผบ.ซอส. และ ผบ.สห. พลโทเจีย เองยง ผบ.หน่วยข่าวกรองความมั่นคง พลตรีเขียว รัฐา รองผู้บังคับการกองกิจการสาธารณะที่เมืองพนมเปญ ประสานจับผู้ต้องหาตามหมายจับ 71 หมาย ส่งตัวกลับมาดำเนินคดีในไทย และ เร่งช่วยคนไทยที่ตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์เพื่อตัดวงจรส่งคนไทยข้ามแดน กัมพูชาให้ความร่วมมือเข้าค้นเป้าหมายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกรุงพนมเปญและเมืองพระสีหนุ จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับไทย 21 หมาย ข้อหา “ร่วมกันเป็นอั้งยี่ มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ”พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. และ ผอ.ศปอส.ตร. กล่าวว่า “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้สั่ง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ระดมกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์และอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ที่สร้างความเดือดร้อนให้คนไทย โดยเฉพาะช่วงสถานการณ์โควิด–19 วันนี้จะเปลี่ยนการทำงานจะไม่ตั้งรับอีกต่อไป จะเปิดเกมบุกอย่างเต็มรูปแบบสำหรับพวกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จะเร่งขยายผลจับกุมคดีนี้ให้ถึงต้นตอตามนโยบายของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ให้ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ขั้นเด็ดขาด ตอนนี้ได้พยานหลักฐานออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้อง 71 หมายจับ โดยเฉพาะนายสุคนธนารักษ์ นาคจันทร์ หรือฉายา “ปอ หนวดงาม” ตัวการใหญ่คนไทยที่ควบคุมคนไทยหลอกคนชาติเดียวกัน”“จะเร่งประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านส่งตัวผู้ต้องหาตามหมายจับให้กับทางการไทยและช่วยเหลือเหยื่อคนไทยที่ถูกหลอกบังคับทำงานคอลเซ็นเตอร์ออกมา เพราะมีคนไทยที่ถูกหลอกจำนวนมากรอความหวัง เราต้องหยุดยั้งความเสียหายที่เกิดกับพี่น้องประชาชนให้ได้ซึ่งได้รับความร่วมมือทางการกัมพูชาอย่างดีขอฝากเตือนคนไทยที่คิดสมัครไปทำงานคอลเซ็นเตอร์ต่างประเทศเพื่อหลอกลวงคนไทยด้วยกันเป็นความผิดตามกฎหมาย นอกจากท่านจะถูกดำเนินคดีแล้ว ยังต้องถูกยึดอายัดเงินไม่ได้ใช้ และบุคคลใดไม่ทำงานคอลเซ็นเตอร์ต้องมีความเป็นอยู่แบบลำบากตามที่ผู้เสียหายให้ข้อมูลอีกด้วย”พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ขยายผลและประสานกัมพูชาเพื่อเร่งช่วยเหลือเหยื่อคนไทยที่ถูกหลอก ทนทุกข์ทรมานถูกบังคับให้ทำงานให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชา และประสานจับ 71 ผู้ต้องหาตามหมายจับส่งมาดำเนินคดีตัดวงจรคนไทยถูกหลอกทำงานคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติหลอกลวงคนไทย.ทีมข่าวอาชญากรรม