“หลังจากติดตามผู้บังคับบัญชาอยู่หลาย บช.ถึงคราวได้กลับบ้านเป็นรอง ผบก. (หัวหน้าศูนย์สืบสวน) จ.สุราษฎร์ธานี และรอง ผบก.ภ.จ.สุราษฎร์ธานี ก็อยู่ได้ไม่นาน เนื่องจาก พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น.ขอให้มาช่วยงานด้านความมั่นคง จึงได้มาขึ้นนายพลเป็น ผบก.อคฝ. เป็นช่วงตั้งหน่วยใหม่เตรียมรองรับสถานการณ์ทางการเมืองยุคปี 2552 ตอนนั้นติดยศ พล.ต.ต.พร้อม “พี่ปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุขผบ.ตร. และเพื่อนร่วมรุ่น นรต.38 อีก 2 ท่าน คือ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ และ พล.ต.อ.ปิยะ อุทาโย รอง ผบ.ตร.” คำพูดของ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา หรือ “บิ๊กอู๊ด” อดีต ผบช.น. คนที่ 50 ถึงจุดเริ่มต้นของการเข้ามาทำงานในกองบัญชาการตำรวจนครบาล ก่อนเกษียณราชการในตำแหน่งสูงสุด“ผมเป็นหัวหน้าหน่วยไหน ก็มักจะต้องเผชิญกับสถานการณ์วิกฤติอยู่เสมอ เริ่มตั้งแต่ตอนเป็น ผบก.อคฝ. ก็มีการชุมนุมประท้วงของกลุ่ม นปช. ช่วงนั้นได้รับมอบหมายเป็น ผบ.พื้นที่ รักษาทำเนียบรัฐบาล มีกำลังตำรวจ ทหาร อยู่ในบังคับบัญชามากกว่า 40 กองร้อย (ประมาณ 6,200 นาย) จนกระทั่งมีการประกาศบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง และจัดตั้ง กกล.รส. จึงได้ไปขึ้นยุทธการกับฝ่ายทหาร”“หลังจากนั้นจะขอกลับ บช.ภ.8 ก็ไม่ได้กลับ ได้รับความไว้วางใจให้เป็น ผบก.น.9 ดูแลกรุงเทพฯฝั่งธน พอมาดำรงตำแหน่งไม่นานเกิดน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 บก.น.9 มี 10 โรงพัก น้ำท่วมไป 8 โรงพักแต่ก็ทำให้เราได้ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างแท้จริง ตั้งแต่เรื่องป้องกันทรัพย์สิน ขนย้าย อพยพ นำส่งอาหารและเวชภัณฑ์ หลังจากนั้นก็มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองทำให้ต้องไปเป็น ผบก.ประจำ และ ผบก.อก.ภ.1 รวมเป็นผบก.ถึง 5 ปี ก่อนจะได้ขึ้นรอง ผบช.น. สิ่งที่ภูมิใจที่สุดในช่วงการเป็น ผบก. คงไม่พ้นช่วงที่เป็น ผบก.อคฝ. ซึ่งสามารถรักษาทำเนียบรัฐบาลไว้ได้ โดยไม่มีพี่น้องประชาชนและตำรวจได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิต และได้รับมอบหมายพร้อมพลร่มหญิงนำผู้ชุมนุมหลายพันคนออกมาจากวัดปทุมวนาราม เป็นอันสิ้นสุดการชุมนุมของ นปช.” เป็นบางส่วนภารกิจที่หนักอึ้งตลอดชีวิตที่รับราชการในพื้นที่หลัก บช.น.ของ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ ซึ่งยึดเป้าหมายสูงสุดทุกๆครั้งในการทำงาน คือ “รักษาความสงบเรียบร้อย ประชาชนและลูกน้องต้องปลอดภัย”ช่วงที่เป็นรอง ผบช.น. ต้องมารับผิดชอบคดีความมั่นคงที่สำคัญ และไม่มีใครอยากทำจำนวนหลายคดี ด้วยสถานการณ์ชุมนุมการเมืองที่แบ่งฝ่ายชัดเจน แต่ด้วยความที่ “บิ๊กอู๊ด” ไม่เคยปล่อยให้พนักงานสอบสวนต้องทำงานเพียงลำพัง และคอยให้คำแนะนำ ปรึกษา ร่วมรับผิดชอบโดยตลอด ทำให้ทุกคดีคลี่คลายนำข้อเท็จจริงทำให้ปรากฏต่อสังคม และเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้ทุกคดีแต่ชีวิตรับราชการ “บิ๊กอู๊ด” ไม่ได้พุ่งพรวดแม้จะทำงานหนัก ยังต้องเป็น รอง ผบช.น.นานถึง 5 ปี จากนามเรียกขาน น.14 ซึ่งเป็นรอง ผบช.น. ที่อาวุโสน้อยที่สุด จนก้าวมาเป็น น.2 อาวุโสอันดับหนึ่งและได้เป็น “น.1” นับว่าเป็น น.1คนแรกในรอบหลายสิบปีที่ได้ขึ้นตำแหน่งจากการเป็น “น.2”“ช่วงเป็น ผบช.น.มีเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นมากมาย แต่สิ่งที่อยู่ในความทรงจำของผมคือการได้รับพระราชทานกำลังใจจากสมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 14 ต.ค.2563 ซึ่งมีการขวางขบวนเสด็จฯ ทำให้ตำรวจนครบาลทุกคนซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ และมีความตั้งใจที่จะปฏิบัติหน้าที่เพื่อประเทศชาติบ้านเมือง”เป็นความภาคภูมิใจสูงสุดของชีวิตข้าราชการตำรวจที่ได้มีโอกาสถวายการอารักขาและรักษาความปลอดภัยสมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี จากเหตุการณ์ชุมนุมประท้วงที่มีความรุนแรงวันนั้นผลงานที่ประจักษ์ของ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ ผบช.น.คนที่ 50 ที่จะไม่พูดถึงไม่ได้คือ การควบคุมสถานการณ์การชุมนุมประท้วง การก่อความไม่สงบของกลุ่มต่างๆ ตลอดเวลา 2 ปีเต็ม ซึ่งในภาพรวมนับว่าสามารถควบคุมสถาน การณ์ได้อย่างเรียบร้อย โดยข้าราชการตำรวจให้ความเคารพสิทธิของผู้ที่เข้าร่วมการชุมนุมโดยสงบ แต่ก็บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อผู้ที่มาชุมนุมโดยมิชอบด้วยกฎหมาย หรือผู้ที่จงใจเข้ามาก่อเหตุสร้างความวุ่นวายในบ้านเมืองพล.ต.ท.ภัคพงศ์ นำพาทัพตำรวจนครบาลฝ่าฟันอุปสรรค ผ่านพ้นแรงกดดันจากสังคมและวิกฤติศรัทธาต่อองค์กรตำรวจ จนได้รับการยอมรับจากผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชา ในภาวะความเป็นผู้นำ ความรับผิดชอบ การอยู่เคียงข้างผู้ใต้บังคับบัญชาที่ปฏิบัติหน้าที่ โดยไม่คิดทิ้งใครไว้ให้แก้ปัญหาแต่เพียงลำพังดังที่ได้กล่าวไว้ตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับตำแหน่ง ผบช.น.ที่ว่า “ผมมีวันนี้ได้เพราะผู้ใต้บังคับบัญชา” “ผมขอขอบคุณกองบัญชาการตำรวจ นครบาล ที่จัดพิธีอำลาชีวิตราชการตำรวจให้กับพวกเราผู้เกษียณอายุราชการ ด้วยบรรยากาศที่เรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยความอบอุ่น และสมศักดิ์ศรีของการเป็นตำรวจนครบาล แม้ว่าพวกเราจะต้องพ้นจากหน้าที่ และชีวิตการรับราชการตำรวจไปแล้ว แต่ผมเชื่อมั่นว่าจิตวิญญาณของความเป็น “ตำรวจนครบาล” จะไม่มีวันสิ้นสุด และผมจะคอยเป็นกำลังใจให้กับตำรวจนครบาลทุกนายในการปฏิบัติหน้าที่ “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” ให้กับสังคมและประเทศชาติตลอดไป” ข้อความสุดท้ายที่ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา อดีต ผบช.น. ฝากไว้ให้กับตำรวจรุ่นหลังได้ยึดถือเป็นแบบอย่างเป็นอีกหนึ่งตำนานชีวิตอดีตผู้นำตำรวจ นครบาล “น.1” อย่างแท้จริง.ทีมข่าวอาชญากรรม