ต้องผิดหวังถอยทัพกลับหน่วยมือเปล่ามาก้าวนับใหม่ เวลานั้นเหมือน กองปราบปราม ไม่ได้ดูฤกษ์ยามตามจับคนร้าย เป็นเหตุให้ “ผู้เป็นนาย” ออก “ใบสั่งเบรก” แผนปฏิบัติการจนพากันเดินทางไปเก้อแฟ้มคลี่คลายคดีอุ้มฆ่า นายโกศล เรืองดุก พ่อค้าหอยแครงใน อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี นำศพถ่วงทะเลหยุดชะงักเหตุเกิดเมื่อวันที่ 2 พ.ค.2564 แก๊งคนร้ายล่อเหยื่อไปยิงทิ้ง ฝังในป่าบ้านทุ่งใสไช หมู่ 5 ต.พุมเรียง อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี ก่อนเคลื่อนย้ายศพไปมัดติดเสาปูนโยนลงอ่าวไทยบริเวณหมู่เกาะอ่างทองรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับผู้ต้องหา 8 คน แต่ยังจับกุมใครไม่ได้สักรายเดียวผ่านเดือนเศษ “ที่สุดท้ายที่หมายพึ่ง” กลายเป็นหมันน.ส.จินดาหรา วสินทรัพย์ หมดความหวังจะเจอร่างไร้วิญญาณของสามี ไม่สามารถทวงความยุติธรรมให้แก่ครอบครัวแถมต้องอยู่ด้วยความหวาดกลัวอิทธิพลของคู่กรณีในพื้นที่เฝ้ารอกระทั่ง “ผู้เป็นนาย” ส่งสัญญาณ “ไฟเขียว” เปิด “ยุทธการปราบอิทธิพลอ่าวไทย” จัดกำลังชุดใหญ่ระดมปูพรมค้นเป้าหมาย 12 จุดเขตสุราษฎร์ธานีคาบเกี่ยวไปถึงชุมพรเที่ยวนี้ กองปราบปราม เป็นได้แค่ “กำลังเสริม” ภารกิจหลักของกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 8 และกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี จากคำสั่ง “เบื้องบน” เพื่อไล่ล่า 8 ผู้ต้องหาตามหมายจับตำรวจกว่า 200 นายกระจายบุกจู่โจมขึงขังในหลายอำเภอตั้งแต่ฟ้าสางผลสุดท้าย “คว้าน้ำเหลว”ล้มเหลวไร้เงาคนร้ายอุ้มฆ่าอำมหิต.สหบาท