วิทยาลัยเกษตรบุรีรัมย์สร้างโรงเรือนปลูกพืชผักได้ทั้งเมืองหนาว เมืองร้อน เหมาะกับคนวัยเกษียณ ควบคุมได้ทั้งน้ำและปุ๋ยผ่านทางสมาร์ทโฟนอ.อุทิศ บุญนาน หัวหน้าแผนกวิชาช่างกลเกษตร วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีบุรีรัมย์ เผยว่า ได้ร่วมมือกับลูกศิษย์สร้างโรงเรือนเพื่อทำเป็นแปลงปลูกพืชผักอัจฉริยะขึ้น โดยมีขนาดพื้นที่ด้านในทั้งหมด 72 ตร.ม. กว้าง 9.50 ม. ยาว 19.5 ม. และพื้นที่ภายนอกโรงเรือน 113 ตร.ม. ส่วนที่เป็นพื้นที่ทดลองปลูกพืชผักด้านในจะมีขนาด 6x12 ม.ตัวหลังคาเป็นพลาสติกหนาใสป้องกันฝน ด้านข้างเป็นตาข่ายป้องกันแมลงศัตรูพืช ใช้เวลาสร้างประมาณ 1 เดือน โดยไม่ได้จ้างช่างที่ไหนมาทำ เพราะพวกเราลงมือทำกันเองทุกขั้นตอน “พร้อมติดตั้งระบบควบคุมการทำงานโดยการให้น้ำ ใช้ได้ทั้งระบบ Manual และระบบ Automatic ในการปิด-เปิด ประตูน้ำไฟฟ้าควบคุมโดยการตั้งเวลาและสั่งการทางโทรศัพท์ หรือ คอมพิวเตอร์ ส่วนการลดความร้อนในโรงเรือนใช้ระบบ Sensor อุณหภูมิ ให้เปิดพ่นหมอก สำหรับการให้ปุ๋ยใช้อุปกรณ์ดูดปุ๋ยจ่ายเข้าระบบการให้น้ำ ทั้งหมดเป็นการใส่ระบบสมองกลเข้าไปควบคุมการใช้งานภายในแปลงปลูก โดยที่ไม่ต้องใช้คนเข้าไปยุ่งเกี่ยว นับแต่ลงมือปลูกไปจนถึงเก็บเกี่ยวผลผลิต จึงเหมาะกับคนวัยเกษียณ และพื้นที่ขาดแคลนแรงงานเกษตร” อ.อุทิศ บอกว่า การปลูกพืชทุกชนิดของระบบนี้ พื้นที่ 1 ตร.ม.ใช้น้ำเพียง 5 ลิตร โดยในพื้นที่ 1 ตร.ม.จะประกอบไปด้วยดิน 45% อินทรียวัตถุ 5% ที่เหลืออีก 50% เป็นช่องว่างให้น้ำ 25% กับอากาศอีก 25% แทรกเข้าไปอยู่ในดิน ให้น้ำด้วยระบบเทปน้ำหยด วันละ 20 นาที ในช่วง 04.00 น.ของทุกวัน และมีการตั้งอุณหภูมิไว้ตามความต้องการของพืชแต่ละชนิด เพื่อจะได้ควบคุมความชื้นในดินไม่ให้ระเหยไปมาก หากแดดแรงทำให้อุณหภูมิระบบพ่นหมอกทำงานโดยอัตโนมัติ โรงเรือนนี้ได้ผ่านการทดลองปลูกพืชมาแล้วหลายชนิดนานกว่า 4 ปี ทั้งพืชเมืองหนาวปูเล่ บรอกโคลี สตรอว์เบอร์รี และพืชอื่นๆ ไม่ว่าเมลอน คะน้า กวางตุ้ง ฯลฯ พบว่า สามารถประหยัดน้ำและปุ๋ย โดยไม่ต้องไปรดน้ำ เช้า-เย็น มีต้นทุนค่าโรงเรือนขนาด 72 ตร.ม. และค่าอุปกรณ์อยู่ที่ 40,000 บาท สนใจข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อได้ที่ 08-2318-3344.