“อัยการสูงสุด” แจง เหตุสั่งไม่ฟ้อง “ชัยวัฒน์” พร้อมพวกรวม 4 คน คดีฆ่าบิลลี่ อ้างสำนวนการสอบสวนดีเอสไอพยานหลักฐานไม่เพียงพอ ไม่ให้น้ำหนักการตรวจสารพันธุกรรมไมโทคอนเดียของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ยันการตรวจวิธีนี้ไม่เพียงพอยืนยันตัวบุคคล แนะถ้าไม่พอใจให้ครอบครัวฟ้องเอง ขณะที่เมียบิลลี่ยื่นหนังสือให้อัยการตอบเหตุผลสั่งไม่ฟ้องเป็นลายลักษณ์อักษร ด้านดีเอสไอตั้งโต๊ะแถลง รับหนังสือสั่งไม่ฟ้อง จากอัยการแล้ว มีเวลาทำความเห็นแย้ง 1 เดือน ส่วนสถาบันนิติวิทยาศาสตร์โต้อัยการ หน่วยงานนิติวิทยาศาสตร์ทั่วโลก รวมทั้งเอฟบีไอใช้ไมโทคอนเดีย ตรวจหาผู้สูญหาย เนื่องจากบางกรณีสภาพกระดูกผุกร่อน ไม่สามารถสกัดดีเอ็นเอได้กระแสอัยการสั่งไม่ฟ้องนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อายุ 56 ปี ผอ.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด (ผอ.ทสจ.) ปัตตานี อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานระหว่างปี 2551-2557 กับลูกน้อง 3 คน ข้อหาอุ้มฆ่านายพอละจี หรือบิลลี่ รักจงเจริญ อายุ 31 ปี นักเคลื่อนไหวชาวกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย จ.เพชรบุรี ยังแรงจนอัยการออกมาแถลงอีกครั้ง ที่ห้องประชุมชั้น 11 สำนักงานอัยการสูงสุด เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 27 ม.ค. นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงชี้แจงการสั่งคดีนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษรกับลูกน้อง 3 คน โดยมีนางพิณนภา พฤกษาพรรณ หรือมึนอ ภรรยาบิลลี่ พร้อม น.ส.วราภรณ์ อุทัยรังษี ทนายความ มาร่วมฟังแถลงข่าวด้วยนายประยุทธ เพชรคุณ กล่าวว่า ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ส่งสำนวนคดีระหว่าง น.ส.พิณนภา พฤกษาพรรณ กับนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร พร้อมพวก ผู้ต้องหาที่ 1-4 นายฐาปนา ใจกลม อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษจ่ายสำนวนให้สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 ตั้งคณะทำงานพิจารณาสำนวนแล้วเห็นว่า ข้อหาเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่มิชอบ มีความเห็นสั่งฟ้อง ส่วนข้อกล่าวหาอื่นคณะทำงานเห็นว่าคดีไม่มีประจักษ์พยานและพยานแวดล้อมเพียงพอเชื่อมโยง เห็นควรสั่งไม่ฟ้อง สำหรับข้อหาร่วมกันฆ่าบิลลี่ คณะทำงานตรวจสำนวนโดยละเอียดแล้วเห็นว่า ชั้นนี้พยานหลักฐานไม่พอฟ้อง เห็นควรสั่งไม่ฟ้องเช่นกัน ส่วนการตรวจพิสูจน์กระดูกวัตถุพยานของกลางโดยวิธีไมโทคอนเดรีย เป็นเพียงการตรวจเพื่อทราบถึงสื่อสัมพันธ์สายมารดาเท่านั้น การตรวจวิธีนี้ไม่เพียงพอยืนยันตัวบุคคลชี้ชัดได้ว่ากระดูกของกลางที่พบเป็นของบุคคลใด สำนวนคดีไม่มีข้อเท็จจริงหรือประจักษ์พยานและพยานแวดล้อมเพียงพอเชื่อมโยง เห็นควรสั่งไม่ฟ้อง ส่งสำนวนพร้อมคำสั่งไปยังอธิบดีดีเอสไอตามขั้นตอนกฎหมาย ถ้าดีเอสไอเห็นต่างต้องส่งอัยการสูงสุดชี้ขาดต่อไปภายหลังนางพิณนภายื่นหนังสือเขียนด้วยลายมือต่อนายประยุทธ ขอให้อัยการชี้แจงเหตุผลสั่งไม่ฟ้องสรุปว่า เรียนอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 ข้าพเจ้า น.ส.พิณนภา ภรรยานายพอละจี และแม่ของลูกทั้ง 5 คนของนายพอละจี รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก ครอบครัวพยายามตามความคืบหน้าคดีมานานถึง 5 ปี ข้าพเจ้าขอสอบถามถึงเหตุผลที่สั่งไม่ฟ้อง หากอัยการเห็นว่าหลักฐานยังไม่เพียงพอ เหตุใดไม่สั่งให้สอบสวนเพิ่มเติม นางพิณนภาเผยด้วยว่า เข้าใจที่อัยการเอาตามหลักฐานคำพิพากษา แต่เข้าใจยาก คนกะเหรี่ยงเมื่อเสียชีวิตจะไม่เอากระดูกลอยน้ำนิติวิทยาศาสตร์ตรวจแล้วยืนยันว่าตรงกับแม่บิลลี่ ส่วนตัวรู้สึกเป็นไปไม่ได้ว่าเป็นคนอื่น และไม่มีพยานในหมู่บ้านเห็นบิลลี่ถูกปล่อยตัว สุดท้ายแล้วถ้าอัยการสั่งไม่ฟ้อง อาจต้องยื่นฟ้องเอง คนทั้งคนหายไปมันเป็นไปไม่ได้ต้องมีเหตุและผลที่ดีเอสไอวันเดียวกัน พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ ฐานะรองโฆษกดีเอสไอ พร้อมด้วย พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ผศ.นพ.วรวีย์ ไชยวุฒิ ผอ.กองการสารพันธุกรรม สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และ พ.ต.ท.เชน กาญจนาปัจจ์ ผอ.กองการปฏิบัติการคดีพิเศษภาค แถลงกรณีอัยการสั่งไม่ฟ้องนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร กับพวก พ.ต.ต.วรณันเผยว่า ดีเอสไอรับสำนวนสั่งไม่ฟ้องนายชัยวัฒน์กับพวก เมื่อวันที่ 24 ม.ค. หลังจากนี้จะตรวจสอบและพิจารณาเอกสารที่ส่งกลับมา เพื่อสรุปให้อธิบดีดีเอสไอพิจารณา 2 ทาง 1.กรณีเห็นด้วยกับเหตุผลอัยการสั่งไม่ฟ้อง ดีเอสไอจะไม่มีความเห็นแย้ง คดีจะจบลงตามการสั่งคดีของอัยการ 2.หากไม่เห็นด้วยจะส่งความเห็นแย้งให้อธิบดีดีเอสไอยื่นอัยการสูงสุดชี้ขาด กรอบเวลาประมาณ 1 เดือน ทั้งนี้ กระบวนการฟ้องครอบครัวผู้เสียหายสามารถฟ้องเองได้ แต่กระบวนการทางกฎหมายยังไม่สุดทางด้าน ผศ.นพ.วรวีย์ ไชยวุฒิ เผยว่า การตรวจสอบหาสารพันธุกรรมที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ตรวจหาสารไมโทคอนเดรียจากกระดูก จะบ่งชี้ให้ทราบว่า สืบสายเลือดมาจากยายหรือแม่ของนายบิลลี่เท่านั้น หลักการตรวจหาสารพันธุกรรมดังกล่าวหน่วยงานนิติวิทยาศาสตร์ทั่วโลกและเอฟบีไอใช้มาตรวจหาผู้สูญหาย เนื่องจากบางกรณีพบโครงกระดูกผู้สูญหาย แต่เนื่องจากสภาพกระดูกผุกร่อนตามระยะเวลา ไม่สามารถสกัดหาสารพันธุกรรมดีเอ็นเอได้ ทำได้เพียงสกัดหาสารพันธุกรรมไมโทคอนเดรียเท่านั้น คดีนายบิลลี่นอกจากใช้สารพันธุกรรมไมโทคอนเดรียแล้ว ยังใช้การสืบสวนพยานหลักฐาน และการสอบปากคำญาติพี่น้องมาประกอบสำนวนด้วย