เข้าสู่ระยะปลายฝนต้นหนาว สภาพอากาศมีทั้งฝนและลมพัด เอื้อต่อการแพร่ระบาดของเชื้อราก่อโรคพืช กรมวิชาการเกษตร เตือนเกษตรกรผู้ปลูกผักบุ้งจีน เฝ้าระวัง...โรคราสนิมขาวมักแสดงอาการเริ่มแรกพบจุดสีเหลืองซีดที่ด้านบนของใบ ใต้ใบมีตุ่มนูนสีขาวขนาดเล็ก ต่อมาตุ่มนูนจะขยายใหญ่ หากมีหลายตุ่มขยายมาชนกันจะเห็นเป็นปื้นสีขาวขนาดใหญ่โป่งพองออกเป็นปุ่มปม พบได้ทั้งที่ก้านใบและลำต้น ทำให้ใบบิดเบี้ยว หรือเป็นคลื่นไม่เรียบ ใบเปลี่ยนเป็นสีเหลืองและร่วงหล่นระยะนี้เกษตรกรหมั่นทำความสะอาดกำจัดวัชพืชอย่างสม่ำเสมอ... สำหรับแปลงที่เกิดโรคระบาดไม่ควรให้น้ำแบบพ่นฝอย และไม่ให้น้ำจนชื้นแฉะเกินไป อีกทั้งหมั่นตรวจใบล่างของผักบุ้งจีนในแปลง หากพบโรคให้ตัดส่วนที่เป็นโรคหรือถอนต้นนำไปทำลายนอกแปลงปลูก กรณีโรคยังระบาดอยู่ให้พ่นด้วย แมนโคเซบ+เมทาแลกซิล–เอ็ม 64%+4% ดับเบิลยูจี อัตรา 30 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ ไซยาโซฟามิด 40% เอสซี อัตรา 6 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ ไซมอกซานิล+แมนโคเซบ 8%+64% ดับเบิลยูพี อัตรา 30 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ เมทาแลกซิล 25% ดับเบิลยูพี อัตรา 20 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ แมนโคเซบ 80% ดับเบิลยูพี อัตรา 20-30 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร ให้ทั่วด้านใต้ใบ พ่นซ้ำทุก 5-7 วัน และควรหยุดพ่นก่อนเก็บเกี่ยวอย่างน้อย 7 วันหลังเก็บเกี่ยวให้เก็บเศษซากพืชส่วนที่หลงเหลือไปทำลายนอกแปลงปลูก...ก่อนปลูกผักบุ้งจีนในรอบถัดไป ควรไถกลบพลิกหน้าดินให้ลึก ตากแดดนานหลายๆวัน และไถกลบพลิกหน้าดินซ้ำอีกครั้ง เพื่อทำลายและป้องกันการสะสมของเชื้อโรคในดิน จากนั้นให้หว่านปูนขาวปรับสภาพดิน อัตรา 100 กิโลกรัมต่อไร่ และให้ไถกลบอีกครั้งทิ้งไว้ประมาณ 2 สัปดาห์ก่อนปลูก จะช่วยลดการเกิดโรคราสนิมขาวได้ อีกทั้งควรคลุกเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนก่อนปลูกด้วย เมทาแลกซิล 35% ดีเอส อัตรา 7 กรัมต่อเมล็ดพันธุ์ 1 กิโลกรัมสำหรับพื้นที่ระบาดรุนแรง ควรเปลี่ยนไปปลูกพืชชนิดอื่น สลับหมุนเวียนอย่างน้อย 2-3 ปี.สะ-เล-เต