หลังศาลยุติธรรมแห่งยุโรป (European Court of Justice–ECJ) ได้ตัดสินพืชที่พัฒนาด้วยวิธีการแก้ไขจีโนมหรือยีนในพืชเพื่อให้ทนทานต่อโรค แมลง สภาพภูมิอากาศ...ถือเป็นสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรม หรือจีเอ็มโอ เมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้วส่งผลให้พืชที่ผ่านการพัฒนาโดยกรรมวิธีนี้ไม่ได้รับการยกเว้นจากตัวกฎหมายที่ว่าด้วยเรื่องจีเอ็มโอ ที่บังคับใช้มาตั้งแต่ปี 2544ขณะที่ฟากฝั่งสหรัฐฯกลับเห็นไปในทางตรงกันข้าม มองว่าการแก้ไขที่ตัวยีนหรือจีโนม ไม่ใช่นำยีนของสิ่งมีชีวิตอื่นใส่ไปในพืช ฉะนั้นจึงไม่แตกต่างจากการกลายพันธุ์ปกติตามธรรมชาติกระบวนการต่อไปของสหภาพยุโรปคือการประเมินความเสี่ยงต่างๆ หากพบมีความเสี่ยงใดๆก็ตาม อาจส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อการพัฒนาวงการวิทยาศาสตร์ของยุโรปเอง ล่าสุด นักวิทยาศาสตร์จากศูนย์วิจัย 127 แห่งทั่วยุโรป ในนามเครือข่ายชุมชนทางวิทยาศาสตร์ของชาวยุโรป (European scientific community) ได้รวมตัวกันออกแถลงการณ์ไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินดังกล่าวสรุปความว่า...การแก้ไขจีโนมเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความปลอดภัย และความมั่นคงทางอาหารของชาวยุโรป การหมายรวมให้ไปอยู่ในกฎระเบียบของจีเอ็มโอจะทำให้ผู้บริโภคชาวยุโรป ผู้ผลิต นักวิจัย และผู้ประกอบการ หมดโอกาสเข้าถึงการเกษตรอย่างยั่งยืน ฉะนั้นกฎหมายที่ว่าด้วยเรื่องจีเอ็มโอของสหภาพยุโรปจึงไม่ได้สะท้อนถึงสถานะปัจจุบันของการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ และความรู้อย่างถูกต้องอีกต่อไปแล้วพร้อมกับเรียกร้องให้สถาบันต่างๆในยุโรป สภายุโรป รัฐสภาแห่งใหม่ของยุโรป และคณะกรรมาธิการยุโรปที่กำลังจะเกิดขึ้น ดำเนินการทางกฎหมายที่เหมาะสม เพื่อให้นักวิทยาศาสตร์และนักปรับปรุงพันธุ์ชาวยุโรป สามารถใช้วิธีการแก้ไขจีโนมหรือยีนเพื่อการเกษตรและอาหารอย่างยั่งยืน.