ตำราเรียกเนื้อ...เรียกปลา “คาถาพระสังข์” และ “คาถามหาจินดา” คนหาปลายังคงใช้ แต่กับ “กลุ่มชิงหลิว”...นั้นมีวิธีเรียกปลาโดยไม่ต้องพึ่งคาถา หากแต่ใช้วิธีศึกษาชีวิตปลา จนกระทั่งสามารถเรียกปลาแบบคัดไซส์ได้ด้วยเหยื่อเม็ดเดียว ด้วยของที่ต้องมี...ได้อย่างไม่เชื่อก็ต้องเชื่อการตกปลาที่เรียกว่าการตก “ชิงหลิว” อนิรุท เอี่ยมละออ ประธานชมรมตกปลาวันหยุดสุดขีด หนึ่งในกลุ่มสหายชิงหลิว เล่าให้ฟังว่า การตกชิงหลิวเป็นการตกปลาที่ละเอียดอ่อน ใช้สมาธิ สายตา การสังเกต แถมอุปกรณ์หลากหลาย ไปตกปลาทีเหมือนย้ายบ้าน แถมยังต้องใช้ความไวของมือ...แขน บวกสายตาอย่างมาก อีกทั้งยังต้องมีความใจเย็นในการต่อสู้ และบังคับปลา“เหมือน...ศาสตร์หยินและหยางของกระบี่ชิงหลิว ความเร็ว ความเฉียบคมในการวัด พร้อมทั้งการตั้งรับที่ต้องใช้ความอ่อนโยนใจเย็น...ต้องมีความไวหากถูกตอบโต้สวนกลับทันควัน ทิ้งเบ็ดให้ทัน มิเช่นนั้นอาจเพลี่ยงพล้ำกลายเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ได้ทันที และต้องใจเย็นรอปลาเข้าหมายเนื่องจากตกด้วยเหยื่อเล็กเพียงเม็ดเดียว”ที่สำคัญต้องเข้าใจอุปกรณ์...เรื่องของเหยื่อที่ใช้ เพื่อเข้าถึงพฤติกรรมปลา การกิน การอยู่อาศัยรวมกันเป็นฝูง เหนือสิ่งอื่นใดผู้ตกปลาต้องมี “โชค” และ “ดวง”ความเชื่อและธรรมเนียมปฏิบัติที่ทำกันมาอย่างยาวนาน...ทุกครั้งที่มีการแข่งขันจะมีการบนบานศาลกล่าวกับศาลพระภูมิประจำบ่อตกปลาจ่าจูน ข้างวัดพระยาสุเรนทร์ แขวงออเงิน เขตสายไหม กทม. ขอให้ได้ปลาไซส์งามๆ ให้เกมการแข่งขันไม่มีอุปสรรค และขอให้มีโชคและดวงของการตกปลา เราจะขอบนด้วย “น้ำแดง” ซึ่งก็ได้ผลอยู่เสมอ“...เป็นความเชื่อโดยส่วนตัวของกลุ่มสหายชิงหลิวครับ อะไรที่เราทำแล้วสบายใจก็ทำ เราจะไม่เน้นน้ำเมาแต่อย่างใด” อนิรุท ว่า “การบน ด้วยน้ำแดงก็เป็นสิ่งที่ใกล้ตัวหาไม่ยากและเป็นธรรมเนียมปฏิบัติไปแล้ว นอกจากเก่ง...เข้าใจการตกปลาก็ต้องพึ่งสิ่งที่มองไม่เห็น เจ้าที่เจ้าทางส่งผลให้มีดวงในการคว้าแชมป์ได้”ไม่เพียงแต่ความเชื่อเรื่องดวงในการตกปลาเท่านั้น ยังมีเรื่องราวของคาถาเรียกเนื้อเรียกปลา ที่ก็มักจะถูกถามถึงโดยตลอด จิรพงษ์ โพธิ์ใจ หัวหน้ากลุ่มสหายชิงหลิว คนในแวดวงเรียกเขาว่า “น้าอ๊อต” บอกว่า จริงๆแล้วมีการพูดถึงกันแต่ไม่ได้มากนัก แต่ก็มีน้องๆชอบบอกว่าน้าอ๊อตมีคาถาเรียกปลา...ส่วนตัวคิดว่าการเรียกนั้น คือเราจะต้องดูพฤติกรรมของปลาเป็นสำคัญ ดูอาการ ดูทุ่น ต้องศึกษาว่า ปลาแบบไหนมีพฤติกรรมการกินอย่างไร กินลอย กินหน้าดิน ก็จะปรับทุ่นไปตามพฤติกรรมปลา คาถาเรียกปลาเป็นเรื่องเล่าสืบต่อกันมา ที่ใช้ๆกันคาถาเรียกปลามหาจินดา “ปิยังมันทา ทะมะนัง ยะสัทธา ปิฎิโกมัง สันตินิเรหัง มันตาปุตตัง ระยะอะระสัง” ใช้เป่าใส่แห เบ็ด หรืออะไรต่างๆที่ใช้จับปลานอกเหนือนิยามการตกชิงหลิว ต้องอาศัยทุกศาสตร์ที่มีแล้ว เรื่องของอุปกรณ์ที่ใช้ก็สำคัญไม่แพ้กัน เชื่อหรือไม่ว่า...เลาวางคันเบ็ดที่เรียกกัน ว่า “มัลริกิ” มีราคาแพงพอกับซื้อบัตรวีไอพีเข้าฟิตเนสหรูๆได้เลยหรือ...บางชิ้นราคาแตะแสน ขึ้นอยู่กับไม้ที่ใช้ และความประณีตในการทำอีกเช่นกันนพดล นรัตนจินดา หรือ ลุงเปี๊ยก อายุ 66 ปี ชาวสระแก้ว คนตกปลาสายธรรมชาติจากบ่อ Max Max 94 ที่หันมาเอาดีในการทำอุปกรณ์ตกปลา หรือที่เรียกว่า “เลาวางคันเบ็ด มัลริกิจากไม้มงคล” เป็นงานทำมือแฮนด์เมดอาศัยใจรัก ใช้เวลาว่างจากการทำงานประจำ โดยศึกษาตำราของไม้แต่ละอย่างว่ามีความเป็นมาอย่างไร และนำไปใช้แล้วมีศรัทธา พลังก็จะบังเกิด ความเชื่อมั่นก็จะตามมาอีกเช่นกัน “ผมตกปลาสายนั่งกระดาน การทำมัลริกิมันคลาสสิก ทำให้เรามีความสุขอยู่กับกิจกรรมที่ทำ ไม้ที่ใช้ก็เลือกไม้เนื้อแข็ง...ไม้ที่มีความเชื่อเรื่องความเป็นมงคล เช่น ไม้ดำดง ไม้พะยูง ไม้มะลิด ถวาย ไม้สาธร ไม้กระบี่เขาควาย แรกๆก็ทำสะสม ต่อมาก็เริ่มมีการสั่งให้ทำ เป็นงานศิลปะชิ้นเดียว ไม้สวยก็คือความสุขทางใจ”ส่วนเรื่องความเชื่อ โดยเฉพาะตอนเข้าแข่งขัน ถ้าเราคิดว่าขอรางวัลเราก็ติด ขอเรื่องงาน...งานก็เข้า และสิ่งที่ตามมาก็คือ เรื่องของครอบครัวก็สำเร็จเห็นผลดังหวังได้อย่างไม่น่าเชื่อ...ก็ยิ่งทำให้มีความสุขทั้งหมดเหล่านี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคลของคนตกปลาแบบชิงหลิว ที่นอกเหนือจากเกมการแข่งขันก็ยังมีเรื่องเล่าพาให้สนุก...ล้มหาย ตายจากก็มีคนรุ่นใหม่เข้ามาแทนที่ โดยเฉพาะกลุ่มสหายชิงหลิว เน้นตกปลาอย่างสร้างสรรค์ ไม่โกงคน ไม่เอาเปรียบปลา และไม่ทำร้ายใคร “ศรัทธา” นำมาซึ่ง “ปาฏิหาริย์”...เชื่อไม่เชื่ออย่างไรก็โปรดอย่าได้ลบหลู่.รัก–ยม