สภาพอากาศระยะนี้ มีทั้งหมอกและอุณหภูมิสูง กรมวิชาการเกษตร เตือนเกษตรกรชาวสวนลิ้นจี่ให้เฝ้าระวังไรกำมะหยี่ลิ้นจี่เป็นไรสี่ขามีขนาดเล็กมาก ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ต้องใช้กล้องส่องถึงจะเห็นลำตัวเป็นสีขาว หรือสีชมพูเรื่อๆ คล้ายหนอน ถือเป็นศัตรูสำคัญของลิ้นจี่สามารถพบได้ในระยะแตกใบอ่อนจนถึงระยะออกดอก ไรชนิดนี้มักชอบดูดทำลายตาดอก ใบอ่อน ยอด และผลของลิ้นจี่ ทำให้ตาดอกไม่เจริญเติบโต ใบที่ถูกไรเข้าทำลายจะมีอาการหงิกงอและโป่งพองขึ้นเป็นกระเปาะ ผิวใบบริเวณที่ถูกไรดูดกินจะสร้างขนสีน้ำตาลขึ้นและสานเป็นแผ่นติดต่อกัน และไรมัก จะใช้เป็นที่หลบซ่อนตัวอยู่ในขนที่สร้างขึ้นมา มีลักษณะนุ่มหนาคล้ายพรมเมื่อเริ่มเกิด ในระยะแรกขนจะมีสีเหลือง หรือเขียวอ่อน และกลายเป็นสีน้ำตาลเหมือนสนิมเหล็ก หรือสีน้ำตาลเข้มในเวลาต่อมา จากนั้นไรจะเริ่มเคลื่อนย้ายหาใบใหม่เพื่อดูดทำลายต่อไป ใบและยอดที่ถูกทำลายจะแห้งและร่วง ต้นที่ถูกไรทำลายรุนแรงจะแคระแกร็น และไม่เจริญเติบโตเท่าที่ควร บางครั้งจะพบปื้นขนสีน้ำตาลเกิดขึ้นที่ช่อดอกและผลอ่อนด้วยดังนั้น ในระยะนี้เกษตรกรควรหมั่นสำรวจส่องดูไรกำมะหยี่ลิ้นจี่ในแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ หากพบมีการระบาดของไรรุนแรงจนมีความจำเป็นต้องใช้สารเคมี ให้เกษตรกรตัดแต่งกิ่งที่ใบและยอดถูกไรทำลายนำไปเผาทิ้งนอกแปลงปลูกก่อน เพื่อลดการระบาดของไรจากนั้นให้พ่นสารกำจัดไรในครั้งแรกด้วย อะมิทราซ 20% อีซี อัตรา 40 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ กำมะถัน 80% ดับเบิลยูพี อัตรา 40 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร โดยพ่นให้ทั่วทั้งหน้าใบและหลังใบ...ส่วนการพ่นสารกำจัดไรครั้งที่ 2 ให้เกษตรกรพ่นสารกำจัดไรเมื่อลิ้นจี่เริ่มแตกใบอ่อน จากนั้นให้พ่นซ้ำอีก 2 ครั้ง ห่างกัน 4 วันสำหรับการปลูกต้นลิ้นจี่ในแปลงที่ปลูกใหม่ ให้เลือกใช้ลิ้นจี่พันธุ์ต้านทานไรกำมะหยี่ เพราะผลจากการศึกษาพบว่า ลิ้นจี่พันธุ์ฮงฮวย มีความต้านทานต่อการทำลายของไรกำมะหยี่ได้ดีกว่าพันธุ์โอเฮี๊ยะ.สะ-เล-เต