พนักงานสอบสวน บก.ป. นำตัว “นายปริญญา จารวิจิต” หลังร่วมกันฉ้อโกงเจ้าพ่อบิตคอยน์ชาวฟินแลนด์ 797 ล้านบาท ไปฝากขังผัดแรกค้านประกันตัว ก่อน “บูม-จิรัชพิสิษฐ์” ดารานักแสดง น้องชายใช้โฉนดที่ดินราคา 4.5 ล้านยื่นขอประกัน แต่ศาลไม่อนุญาต นำตัวฝากขังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯทันทีจากกรณีนายเออาร์นี โมตาวา ซาริมา อายุ 23 ปี เจ้าพ่อเงินอิเล็กทรอนิกส์ “บิตคอยน์” ชาวฟินแลนด์ เข้าแจ้งความกับ พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รอง ผบก.ป. ระบุว่า นายปริญญา จารวิจิต อายุ 35 ปี กับพวกได้ร่วมกันฉ้อโกงเงินบิตคอยน์ มูลค่าประมาณ 797 ล้านบาท ด้วยการหลอกลวงให้ร่วมลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ แต่กลับมีการถ่ายเทเงินไปยังที่ต่างๆโดยไม่ได้ทำตามที่ตกลงกันไว้ ต่อมาพนักงานสอบสวนได้สอบสวนขยายผลจนพบว่า คดีนี้มีผู้กระทำความผิดประกอบด้วย นายปริญญา ที่เป็นหัวโจกสำคัญในคดี นายธนสิทธิ์ จารวิจิต นายจิรัชพิสิษฐ์ หรือบูม จารวิจิต ดารานักแสดง น.ส.สุพิชฌาย์ จารวิจิต สี่พี่น้อง และนายวิสิทธิ์ จารวิจิต และนางเลิศฉัตรกมล จารวิจิต บิดาและมารดา รวมทั้งนายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ผู้กว้างขวางในตลาดหลักทรัพย์ และนายชาคริส อาห์มัด ผู้บริหารบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งต่อมาผู้เสียหายได้ถอนแจ้งความ นายประสิทธิ์ และนายชาคริสไปแล้ว หลังจากตกลงชดใช้ค่าเสียหายกันได้เมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ส่วนผู้ต้องหารายอื่นพนักงานสอบสวนได้ทยอยแจ้งข้อหาไปแล้ว ในฐานความผิดร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันฉ้อโกง ในขณะที่นายปริญญาได้หลบหนีไปสหรัฐอเมริกาก่อนที่หมายจับจะออกเพียงไม่กี่วัน ต่อมา พ.ต.อ.ชาคริต ได้ทำหนังสือไปยังกระทรวงการต่างประเทศ ขอยกเลิกหนังสือเดินทางของนายปริญญา กดดันจนทำให้ต้องเดินทางกลับมาประเทศไทย และจับกุมคาสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อเวลาประมาณ 23.30 น. วันที่ 10 ต.ค.ที่ผ่านมาล่าสุดเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 12 ต.ค. ร.ต.อ.ศุภชัย ชาติมนตรี พงส.กองปราบปราม นำตัว นายปริญญา จารวิจิต ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1693/2561 ลงวันที่ 26 ก.ค.2561 ของศาลอาญา มายื่นคำร้องขอฝากขังต่อศาลครั้งแรก โดยผู้ต้องหาสวมเสื้อเชิ้ตขาวสวมกุญแจมือมารถกองปราบฯ จากนั้นถูกนำตัวขังห้องเวรชี้ทันทีโดยพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนยังระบุว่า ได้สอบสวนผู้ต้องหามาตลอด แต่ยังไม่เสร็จสิ้นและจะครบกำหนด 48 ชั่วโมง ต้องรอผลการตรวจสอบลายพิมพ์นิ้วมือผู้ต้องหา จึงขออำนาจศาลฝากขังมีกำหนด 12 วัน ตั้งแต่ 12-23 ต.ค.61 อีกทั้งยังสอบพยานบุคคลหลายปาก คดีนี้มีอัตราโทษสูง สร้างความเสียหายเป็นจำนวนมาก ประกอบกับผู้ต้องหามีพฤติการณ์หลบหนีไปต่างประเทศ จนถูกเพิกถอนหนังสือเดินทาง กระทั่งถูกส่งตัวกลับมายังประเทศไทย พนักงานสอบสวนจึงขอคัดค้านการประกันตัว ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้านจึงอนุญาตให้ฝากขังได้ต่อมานายจิรัชพิสิษฐ์ หรือบูม เดินทางมาสมทบ และเป็นผู้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ 2 แปลงย่าน อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เนื้อที่ 146 ตารางวาเศษ ราคาประเมิน 4.5 ล้านบาทเศษ ขอประกันตัวนายปริญญาระหว่างฝากขัง ศาลพิจารณาคำร้องประกอบหลักทรัพย์และคำคัดค้านของพนักงานสอบสวน เห็นว่าผู้ต้องหามีส่วนเจรจากับผู้เสียหาย จำนวนความเสียหายสูง ทั้งการสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จ ทั้งเคยถูกยกเลิกหนังสือเดินทาง เพราะมีการเดินทางไปต่างประเทศหลายครั้ง พฤติการณ์น่าจะหลบหนี และไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน จึงไม่อนุญาตให้ประกันตัว จากนั้นออกหมายขังส่งเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครต่อไปด้าน พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รอง ผบก.ป. เปิดเผยว่า เบื้องต้นนายปริญญาจะถูกดำเนินคดีใน 3 ข้อหาคือ คดีฉ้อโกง คดีฟอกเงินโดยร่วมกับน้องชายและน้องสาว และคดีฟอกเงินโดยร่วมกับมารดา เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ ไม่ขอให้การในชั้นพนักงานสอบสวน ก่อนนำตัวไปฝากขังที่ศาล อาญาต่อไป โดยพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว เพราะผู้ต้องหามีพฤติกรรมที่อาจหลบหนี ประกอบกับเป็นคดีที่มีมูลค่าความเสียหายเป็นจำนวนมากผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนผู้ต้องหารายอื่นๆ เหลือแค่ผู้ต้องหาในตระกูลจารวิจิตเท่านั้น เนื่องจากมารดาของนายปริญญาได้รับโอนเงินมาจากลูกชาย ก่อนที่จะยักย้ายถ่ายเทเงินไปให้กับบิดาของนายปริญญา ส่วนนายธนสิทธิ์ก็มีพฤติกรรมเช่นเดียวกันคือ รับโอนเงินมาจากนายปริญญาแล้วยักย้ายถ่ายเทไปให้กับบุคคลอื่นๆ ซึ่งเป็นพฤติกรรมการกระทำความผิดฐานฟอกเงินล่าสุด พนักงานสอบสวนได้นัดนายวิสิทธิ์ นางเลิศฉัตรกมล รวมทั้งนายธนสิทธิ์ ให้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติมในวันที่ 17 ต.ค.ที่จะถึงนี้ หากผู้ต้องหาทั้ง 3 คนมาพบพนักงานสอบสวนก็จะแจ้งข้อหาร่วมกันฟอกเงินด้วย