“ทำไร่ข้าวโพดบนภูเขา 53 ไร่ มาหลายปี ไม่เคยมีกำไร แต่จะทำไงได้ พ่อค้าเอาเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย ยามาให้ บอกให้ปลูกไปก่อนค่อยๆ ผ่อนคืนทีหลัง จนเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว ทนเป็นหนี้เป็นสินไม่ไหว ลงทุนไป 430,000 บาท ขายข้าวโพดแล้วได้แค่ 350,000 บาท ขาดทุนย่อยยับ พอดีเลมอนฟาร์ม มาแนะนำให้ปลูกผักมาส่งขายให้เขา เลยเริ่มจากปลูกมะนอย 1 งาน แค่ 120 วัน เก็บขายได้วันเว้นวัน ครั้งละ 800 บาท ครอปเดียวเก็บเกี่ยวได้นาน 40-45 วัน ได้เงินร่วมสองหมื่น เรียกว่าเป็นกำไรล้วนๆ ดีกว่าปลูกข้าวโพดหลายสิบไร่ ไม่เคยได้กำไร”อุทัย อินตะนาม เกษตรกร ต.เมืองจัง อ.ภูเพียง จ.น่าน เล่าถึงสิ่งที่ได้รับ หลังเลิกทำข้าวโพดรุกป่า หันมาปลูก มะนอย พืชผักพื้นบ้านเมืองเหนือ หรือบวบขนาดเล็ก ผลยาวประมาณ 20 ซม. กินสดรสชาติฝาด แต่นำไปต้มหรือแกงจะอร่อยมาก...ที่ทำไปแล้วมีแต่กำไร แทบไม่มีต้นทุน “ใช้เมล็ดพันธุ์ที่หามาได้ในพื้นที่มาเพาะกล้าไว้ 20 วัน ขุดหลุมให้ห่างกัน 1×1 ม. หลุมละ 5-7 เมล็ด รองก้นหลุมด้วยแกลบดำ และถ่านไบโอชาร์ แล้วกลบดินใช้ฟางคลุมทับอีกที ช่วงเดือนแรกรดน้ำวันเว้นวัน เดือนต่อมารดน้ำเดือนละ 2 ครั้ง ถ้าปลูกในหน้าฝน แทบไม่ต้องรดน้ำเลย ส่วนปุ๋ยใช้น้ำหมักทำมาจากกล้วยและมะละกอ หมักกับน้ำซาวข้าว มาใช้รดเดือนละ 2 ครั้ง ต้นมะนอยเจริญเติบโตดี เคยลองใส่ปุ๋ยเคมี ปรากฏว่ามะนอยอายุสั้น โรคแมลงรบกวนบ่อย แถมผลมะนอยรสชาติไม่อร่อยอีกต่างหาก” ถึงการปลูกแทบไม่มีต้นทุน แต่มีข้อควรระวัง... ตอนขุดหลุมปลูกจะต้องปักไม้ไผ่ให้เห็นชัดๆ เพราะมะนอยเป็นพืชที่นอนราบกับพื้นช่วงเก็บเกี่ยว ต้องระวังไม่เดินไปเหยียบต้นราก เพราะต้นจะตายได้ง่ายๆ และด้วยเป็นพืชผักพื้นเมืองที่หารับประทานได้ยาก เพราะคนไม่นิยมปลูกกัน ผลผลิตที่ได้มา อุทัยไม่ต้องลำบากนำไปขายที่ตลาดแต่อย่างใด เพราะมีแม่ค้ามารอรับซื้อถึงหน้าบ้าน...เลยวางแผนเตรียมที่จะปลูกมะนอยสลับแปลง เพื่อให้ได้ผลผลิตออกป้อนตลาดได้ตลอดทั้งปีหลังจากทำมาได้ 2 ปี...วันนี้ แปลงข้าวโพดรุกป่า 3 ไร่ บนเขาหัวโล้น ถูกปล่อยทิ้งร้างให้ธรรมชาติฟื้นฟูกลับ คืนมาเป็นป่า ส่วนการทำกิน อุทัย และครอบครัวใช้ที่ราบเชิงเขาแค่ 2 ไร่ ทำกิน ปลูกมะนอย ฟักทอง แตง ผักสลัด ฯลฯมีรายได้เป็นกำไรล้วนๆ ไม่มากไม่มาย แค่ปีละ 400,000 บาท...ดีกว่าปลูกข้าวโพดให้พ่อค้ารวยแต่ฝ่ายเดียว.ไชยรัตน์ ส้มฉุน