ตะครุบสาวเทศบาลลัดหลวงปลอมบัตรประชาชนให้ชาวจีน หลังกรมการปกครองตรวจสอบพบตัวเลขการแปลงสัญชาติจีนเป็นคนไทยในทะเบียนราษฎรสูงผิดปกติ ก่อนรวบรวมพยานหลักฐานขอหมายจับสารภาพปลอมแปลงเอกสารและทำบัตรให้ชาวจีนกว่า 10 ปี รวม 29 ราย คิดค่าจ้างหัวละ 5 หมื่นบาท อ้างทำคนเดียว ตำรวจไม่เชื่อ คาดมีผู้ร่วมขบวนการด้วย แฉส่วนใหญ่นำบัตรเก๊ไปยื่นขอเป็นมัคคุเทศก์ ถือเป็นบุคคลสองสัญชาติ หวั่นหากก่อคดีติดตามตัวได้ยากรวบพนักงานเทศบาลสาวปลอมบัตรประชาชนให้ชาวจีนรายนี้ เปิดเผยเมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 29 ธ.ค.ที่ห้องประชุมชูวงศ์ บก.ภ.จ.สมุทรปราการ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ตำรวจท่องเที่ยว (ทท.) พล.ต.ต.ชัยวัฒน์ ฉันทวรลักษณ์ รอง ผบช.ภ.6 พล.ต.ต.ประเสริฐ เงินยวง ผบก.ทท.1 พล.ต.ต.ธรรมนูญ ไตรทิพยพงศ์ ผบก.ภ.จ.สมุทรปราการ และนายธีรพล ศิรินานุวัฒน์ ปลัดจังหวัดสมุทรปราการ ร่วมกันแถลงผลการปราบปรามบุคคลสัญชาติจีนสวมบัตรประชาชนเป็นคนไทย ผู้ต้องหาคนไทย 1 คน คือ น.ส.พิลัยพร ภู่ทอง อายุ 43 ปี ลูกจ้างประจำ สำนักทะเบียน เทศบาลเมืองลัดหลวง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ทำหน้าที่ปลอมแปลงเอกสารและบัตรประจำตัวประชาชน และผู้ต้องหาชาวจีนอีก 20 คนพล.ต.ต.สุรเชษฐ์เปิดเผยว่า ตำรวจร่วมกับกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยสืบสวนกรณีมีบุคคลสัญชาติจีนเข้ามาสวมบัตรประชาชนเป็นคนไทย เมื่อได้บัตรประชาชนแล้วนำมายื่นขออนุญาตเป็นมัคคุเทศก์จากการแกะรอยเส้นทางการปลอมแปลงเอกสาร กรมการปกครองตรวจสอบสถิติการแปลงสัญชาติจีนเป็นสัญชาติไทย พบว่าที่เทศบาลเมืองลัดหลวงมีตัวเลขสูงผิดปกติ กระทั่งวันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่กรมการปกครองเข้าตรวจสอบเอกสารหลักฐานยืนยันว่ามีกระบวนการเพิ่มชื่อบุคคลสัญชาติจีนเข้าไปในทะเบียนบ้านและออกบัตรประจำตัวประชาชนโดยมิชอบ เชื่อว่าน่าจะมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องก่อนเชิญตัวมาสอบสวนรอง ผบช.ทท. กล่าวอีกว่า ต่อมาเจ้าหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ 33/2560 ลงวันที่ 20 ธ.ค.60 ในข้อหาเรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นเป็นการตอบแทนในการที่จะจูงใจหรือจูงใจเจ้าพนักงานฯ โดยการทุจริตหรือผิดกฎหมาย, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, ปลอมแปลงเอกสารสิทธิหรือเอกสารราชการ, ใช้หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการกระทำความผิดโดยทุจริตนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย แก่ประชาชน และความผิดตามพระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร และพระราชบัญญัติบัตรประจำตัวประชาชนพล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่าสอบสวนทราบว่า น.ส.พิลัยพร ผู้ต้องหารายนี้ปลอมแปลงเอกสารราชการและจัดทำเอกสารอันเป็นเท็จให้กับบุคคลสัญชาติจีนให้มีชื่อในทะเบียนราษฎรและได้มาซึ่งบัตรประจำตัวประชาชนโดยมิชอบไปแล้ว 29 ราย ในจำนวนนี้นำบัตรประจำตัวประชาชนที่ได้มาโดยมิชอบไปใช้ยื่นขออนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ 11 ราย อีก 2 รายนำไปประกอบธุรกิจนำเที่ยว โดยให้ภรรยาคนไทยเป็นกรรมการบริษัท ทั้งหมดศาลอนุมัติหมายจับแล้วในข้อหายื่นคำขอมีบัตรโดยไม่มีสัญชาติไทยด้วยการแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่, แจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นเสียหาย, แจ้งให้เจ้าพนักงานกระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จในเอกสารราชการห้ามใช้หรือแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จหรือกระทำการใดเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นมีชื่อหรือมีรายการอย่างใดอย่างหนึ่งในทะเบียนบ้านหรือเอกสารทะเบียนราษฎรอื่นโดยมิชอบด้าน พล.ต.ต.ชัยวัฒน์  ฉันทวรลักษณ์ รอง ผบช.ภ.6 กล่าวว่า ผู้ต้องหารับสารภาพว่าทำคนเดียวและทำมากว่า 10 ปีแล้ว อาศัยการบอกปากต่อปากของชาวจีนด้วยกัน คิดค่าจ้างรายละ 5 หมื่นบาท ขั้นตอนการออกบัตรประจำตัวประชาชนจะใช้ระยะเวลาทำเอกสารรายละ 1-2 ปี มีการเข้าระบบของกรมการปกครองถูกต้องทุกอย่าง แต่วิธีการผิดหมดเพราะมีการปลอมเอกสารราชกิจจานุเบกษา เนื่องจากเมื่อนำรายชื่อบุคคลเหล่านี้ไปตรวจสอบในเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษากลับไม่พบรายชื่อ ชาวจีนเหล่านี้เมื่อได้บัตรแล้วก็ยังถือพาสปอร์ตสัญชาติจีน อยู่ในไทยใช้บัตรประชาชนไทยแอบอ้าง อยู่จีนก็ใช้บัตรชาวจีน หากชาวจีนเหล่านี้ไปเกี่ยวข้องกับอาชญากรรม ยาเสพติด หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็จะเป็นปัญหาใน การติดตามตัวดำเนินคดี แม้ผู้ต้องหาจะรับว่าทำคนเดียว แต่เชื่อว่าน่าจะมีผู้ร่วมกระบวนการด้วย ขณะนี้อยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวนขยายผลต่อไป