ลดตายเจ็บถ้าลดความเร็วประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งที่กำลังประสบปัญหาผลกระทบจากอุบัติเหตุจราจรอย่างหนัก โดยล่าสุดเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2560 เว็บไซต์เวิลด์แอตลาส ระบุว่า ประเทศไทยมีอัตราตายบนท้องถนนอยู่ในอันดับ1 ของโลกแล้ว แต่องค์การอนามัยโลกยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการงานวิจัย ผศ.ดร.วิชุดา เสถียรนาม จากภาควิชาวิศวกรรมโยธาคณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.ขอนแก่น และคณะ ในโครงการการศึกษาและพัฒนาชุดความรู้ด้านวิศวกรรมจราจรเพื่อความปลอดภัยทางถนนฯ ระบุว่า ...“สาเหตุหลักอันดับแรกของการตายบนท้องถนนคือ การขับรถเร็วเกินกำหนด โดยกระทรวงคมนาคมรายงานว่า 3 ใน 4 ของผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเสียชีวิตบนถนนสายย่อยและถนนสายรองในเขตเมือง....“สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร สนข. ชี้ว่า ในรอบ 8 ปีที่ผ่านมา การเสียชีวิตโดยมากไม่ได้เกิดขึ้นบนถนนทางหลวง ทางด่วน หรือทางหลวงชนบท หากแต่เกิดขึ้นบนถนนในเขตเมือง เขตเทศบาล เขตชุมชน จากการเดินทางใกล้ๆในถนนสายสั้นๆ ซึ่งเรามักจะมองข้ามและคิดว่า...ใกล้แค่นี้ไม่เป็นไร“โดยสถิติสถานที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน ระหว่างปี 2547-2554 พบว่า อันดับหนึ่งเกิดขึ้นบนถนนของ อปท. กรมชลฯ อบจ. กทม. เฉลี่ย 9,784คน/ปี อันดับที่สอง ถนนทางหลวง เฉลี่ย 1,624 คน/ปี อันดับสาม ถนนทางหลวงชนบท เฉลี่ย 124 คน/ปี และอันดับสี่ เฉลี่ยทางพิเศษ 20 คน/ปี ทั้งนี้ ผลการศึกษาพบว่า สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุอันดับแรกคือ การขับรถเร็วเกินที่อัตรากำหนด อันดับสอง การตัดหน้ากระชั้นชิด อันดับสาม ตามกระชั้นชิด ตามด้วยแซงรถผิดกฎหมาย และเมาสุรา...ข้อมูลนี้ไม่ต่างจากข้อมูลอื่นจากประเทศอื่นทั่วโลก ที่พบว่าความเร็วเป็นสาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุ“ผลจากงานวิจัยพบว่า หากลดความเร็วลง แม้เพียงเล็กน้อยจะสามารถลดอัตราการตายได้อย่างมาก การหยุดรถจะใช้ระยะทางมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับว่ารถวิ่งมาด้วยความเร็วเท่าใด เมื่อคุณขับรถเร็วขึ้น คุณต้องการระยะทางในการหยุดรถเพิ่มขึ้น....“ร่างกายมนุษย์ไม่สามารถทนต่อการบาดเจ็บ หากถูกรถชนด้วยความเร็วที่มากกว่า 30 กม./ชม. การคาดเข็มขัดนิรภัยจะสามารถปกป้องชีวิตได้ กรณีที่ 1.ขับชนเสาหรือต้นไม้ที่ความเร็วต่ำกว่า 40 กม./ชม. 2.ถูกรถขนาดเดียวกันชนด้านข้างที่ความเร็วต่ำกว่า 50 กม./ชม. 3.ชนประสานงากับรถขนาดเดียวกันที่ความเร็วต่ำกว่า 70 กม./ชม.“เมื่อเกิดการชน คนเดินเท้า คนขี่จักรยานและจักรยานยนต์ จะมีความเสี่ยงสูงมากต่อการบาดเจ็บ โดยโอกาสรอดชีวิตจะน้อยลงเรื่อยๆเมื่อความเร็วขณะชนเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ที่ความเร็ว 30 กม./ชม. 9 ใน 10 รายจะรอดชีวิต ที่ความเร็ว 50 กม./ชม. 1 ใน 10 รายจะมีโอกาสรอดชีวิต และที่ความเร็ว 60 กม./ชม.ขึ้นไป แทบจะไม่มีโอกาสรอดชีวิต...การลดความเร็วที่ใช้จะส่งผลต่อความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ...”ข้อมูลส่วนหนึ่งจากหนังสือ “คู่มือการจัดการความเร็วในชุมชน”เรียบเรียง จากงานวิจัย ผศ.ดร.วิชุดา เสถียรนาม จากภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.ขอนแก่น และคณะ จัดทำโดยศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ ในงานสัมมนาวิชาการ เรื่องความปลอดภัยทางถนน ครั้งที่ 13 วันที่ 6-7 ธันวาคม 2560 ที่ศูนย์ประชุมไบเทค.