เข้า สนามพระวิภาวดี วันสุดท้ายของเดือน ๑๐ ก็ยังได้ยินวงการพระถกเถียงกันเรื่อง “เหรียญหลวงปู่ทวด รุ่นเลื่อนสมณศักดิ์ (ไม่ผ่าปาก) ทองคำ ๒๕๐๘” และไม่น่าจบ เพราะความเห็นของเซียนแตกเป็น ๒ ฝ่าย ไปเรียบร้อยแร้ว--ส่วนท่านผู้ชม ก็เห็นเป็น ๓ ฝ่าย คือเชื่อว่า ๑.แท้ ๒.ไม่แท้ และ ๓.ไม่รู้วุ้ย no comment ซึ่งรวมทั้งข้าพเจ้าด้วย เพราะยึดมาตลอดว่า “อะไรที่ไม่รู้จริง ให้นิ่งไว้ อย่าอวดรู้”ก็สดับตรับฟังมาพักใหญ่ วันนี้จึงขอแสดงความเห็นในอีกประเด็น ที่สำคัญกว่าการเถียงกันว่าใครแท้ ใครไม่แท้ ใครเก่ง ใครตาแตก คือเรื่อง วงการพระของเรา น่าเชื่อถือในระดับไหน และเชื่อ หรือไม่เชื่อ เพราะอะไรเท่าที่อยู่ในวงการพระตั้งแต่ยังมีความรู้แค่หางอึ่ง เมื่อปี ๒๕๓๙ ที่ไทยรัฐเปิด สนามพระวิภาวดี ตอนนี้ก็บอก (บอก ไม่ใช่อวด) ได้ว่า เข้าใจ รู้จักวงการพระอย่างลึก และพยายามทำหน้าที่ เพื่อร่วมส่งเสริมให้วงการวัตถุมงคลมีการพัฒนาที่ดีขึ้นๆ ด้วยการเผยแพร่ข่าวสาร เพื่อให้คนนิยมพระหูตากว้างขึ้น--จึงบอกได้เต็มปากว่า ปัจจุบัน วงการพระของเราดีขึ้นจริงๆ (ดีขึ้นมาก หรือไม่มาก ก็แล้วแต่แต่ละคนจะพิจารณา) แต่คำว่า เสือ สิงห์ กระทิง แรด (เกือบ) จะไม่ได้ยินใครพูดกันมากเหมือนแต่ก่อน ก็แล้วกันแต่พอเกิดเรื่องนี้ก็ทำให้คนจำนวนมากกก ฉุกคิดได้ว่า เออ ที่จริงแล้ว ความเชื่อว่าแท้เทียม ในวงการพระยังขึ้นอยู่กับความเชื่อถือ ที่ คน (ก็คือเซียนพระ) เป็นสำคัญ แต่ยังไม่มี สถาบันอะไรที่เป็นกลาง ซึ่งทุกคนยอมรับว่าเมื่อชี้ขาดต้องจบ--เพราะแม้จะมีสมาคมพระเครื่องฯหรือเซียนหลายคนที่รับตรวจสอบ และออกใบรับรองพระแท้ แต่ก็ยังมีการแย้งอยู่ดี มีปัญหากันอยู่เสมอข้าพเจ้าจึงอยากให้ถือเป็นโอกาสผ่าตัดพัฒนาวงการพระครั้งใหญ่ เพื่อยกระดับเป็นมาตรฐาน เหมือนวงการเพชร ที่มีสถาบันตรวจสอบซึ่งยอมรับทั้งโลก เหมือน วงการศิลปะ ที่ถ้างานศิลป์ได้การันตีก็คือจบ--ถ้า วงการพระ มีหน่วยงานแบบนั้นบ้างก็จะเป็นประโยชน์ต่อทุกคน ไม่ใช่ตอนพ่อ พระคือแท้ พอรุ่นลูกพระองค์เดียวกันถูกตีเก๊ เพราะคนเปลี่ยน ยุคสมัยเปลี่ยน ความเห็นก็ย่อมเปลี่ยนได้ จึงต้องมี จุดมาตรฐาน ที่แม้วันเวลาผ่านไปเท่าไหร่ ความเป็นจริง ที่ชี้ขาดไว้ ก็ยังเหมือนเดิม...เก๊ก็เก๊วันยังค่ำ แท้ก็ไม่มีใครครหาว่าเก๊ได้ตลอดชาติ พระสมเด็จ พิมพ์ฐานแซม สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) วัดระฆังฯ ของณัฐพล วิไลพรรัตนา.เข้าไปดูพระกันอย่างเร็วๆ เริ่มที่ พระสมเด็จ พิมพ์ฐานแซม วัดระฆังโฆสิตาราม กรุงเทพฯ ของ เสี่ยณัฐพลวิไลพรรัตนา ซึ่งส่งภาพมาพร้อมฟิล์มเอกซเรย์ บอกว่าเป็นพระชำรุด ซึ่งจะเห็นเส้นรอยชำรุดแตกร้าวชัดเจนจากขอบซ้ายผ่านพระกรขวาเฉียงขึ้นพระอุระไปสุดขอบข้างขวา ๑ แห่ง อีกแห่งจากกลางขอบบนผ่านลงพระเกศเฉียดเหนือพระพักตร์ เฉียงลงผ่านไหล่ ไปสุดกลางขอบข้าง แต่ซ่อมสำเร็จ ด้วยฝีมือช่างชั้นเยี่ยม พระจึงดูงามสมบูรณ์เต็มฟอร์ม แบบไม่บอกไม่รู้เลย เพราะทั้งรูปทรง พิมพ์พระ เนื้อมวลสาร เข้าขั้นเป็นพระแชมป์ ที่สำคัญ จ่ายแค่ล้านเดียว พระบาง เนื้อเขียว (หินครก) วัดดอนแก้ว ของตะวัน มหาวัน.องค์ที่สองเป็น พระบาง เนื้อเขียว (หินครก) วัดดอนแก้ว ลำพูน พระกรุ พระเก่า ยอดนิยมแถวหน้าของเมืองเหนือ ในสกุล “พระลำพูน” ที่มีพระรอด พระคง พระบาง พระเลี่ยง พระลือ ฯลฯ พบอยู่ร่วมในหลายกรุพระเมืองลำพูนอย่างกรุวัดพระธาตุ กรุวัดมหาวัน และกรุวัดดอนแก้ว ที่เป็นกรุต้นกำเนิด มีพบจำนวนมากสุดองค์นี้ของ เสี่ยตะวัน มหาวัน เป็นพระสภาพงามสมบูรณ์ สีเนื้อนิยม ที่พบน้อย หายากสุดองค์ที่สาม ก็พระสายเหนือ พระยอดขุนพลนาน้อย พิมพ์กลาง (หน้าแก่) กรุวัดนาหลวง น่าน พระกรุเนื้อชิน ยอดนิยมสุดของเมืองน่าน ค้นพบจากกรุองค์พระเจดีย์วัดนาหลวง บรรจุอยู่ในบาตร มีทั้งเนื้อชินเงิน เนื้อดิน ขนาดใหญ่ กลาง เล็ก ราว ๑,๐๐๐ องค์ พระยอดขุนพลนาน้อย พิมพ์กลาง หน้าแก่ กรุวัดนาหลวง ของ สจ.บอมบ์ เมืองน่าน.ลักษณะเป็นพระฝีมือช่างพื้นถิ่น (ล้านนา) ไม่งามนัก จนชาวบ้านเรียก “พระอีที” เพราะตาโปน อกนูน ผนังหลังมีประภามณฑล ด้านข้างมีใบบัวกับเส้นรัศมี ด้านหลังเรียบ ผิวเนื้อมีสนิมตีนกา ฝ้าขาวตามธรรมชาติแยกพิมพ์ได้เป็นพิมพ์ใหญ่ พิมพ์กลาง พิมพ์เล็ก องค์นี้ของ สจ.บอมบ์ เมืองน่าน เป็นองค์แชมป์ของกรุ ที่บอกมาว่า ระดับ “มาสเตอร์พีซ”ตามมาคือ เหรียญเม็ดแตง (หน้าผาก ๓ เส้น) พ.ศ.๒๕๐๘ หลวงปู่ทวด วัดช้างให้ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ได้ภาพมาขณะมีกระแสเก๊-แท้ เหรียญหลวงปู่ทวด (ซึ่งแฟนคลับบอกว่า ปะทะกันในรายการทีวี แต่ยังไม่เคลียร์ เพราะทีมเซียนใหญ่ตอบ “ไม่ตรงคำถาม” อีกฝ่ายก็ตอบเลื่อนลอย) เหรียญเม็ดแตง พ.ศ.๒๕๐๘ บล็อกนิยม หลวงปู่ทวด วัดช้างให้ ของณัฏฐณิชา สัญญรัตน์.รุ่นนี้ก็สร้างออกเมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๘ ปีเดียวกับเหรียญ “เม็ดแตง” แบบเหรียญนี้ ของ คุณพี่ณัฏฐณิชา สัญญรัตน์ ที่เป็นเหรียญบล็อกนิยมมาตรฐาน “เส้นหน้าผาก ๓ เส้น ตัวหนังสือเลยหู หลัง น.แตก” ที่เล่นหาได้สบายใจ เพราะมีหลักฐานบันทึกการจัดสร้างชัดเจน ไม่ต้องเกรงดีใจวันซื้อแต่ชีช้ำวันขาย--สภาพสวยแชมป์เดิมๆ แบบนี้ปัจจุบันราคาหลักแสนตามมาด้วย เหรียญเทพชุมนุม โบสถ์พราหมณ์ กะไหล่ทอง พ.ศ.๒๔๖๑ เสาชิงช้า กรุงเทพฯ เหรียญดี พิธีพราหมณ์ สร้างออกคราวงานพิธีโล้ชิงช้า ณ โบสถ์พราหมณ์ หน้าวัดสุทัศน์ โดยครูพราหมณ์ประกอบพิธีสร้าง อาราธนา สมเด็จพระสังฆราช (แพ ติสฺสฺเทวมหาเถร) เป็นประธานพิธีพุทธาภิเษก เหรียญเทพชุมนุม พ.ศ. ๒๔๖๑ โบสถ์พราหมณ์ เสาชิงช้า ของอิทธิ ชวลิตธำรง.ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มทรงกลมรูปไข่ หูในตัว ด้านหน้าเป็นรูปองค์พระศาสดากับพระอัครสาวก ซ้ายขวา ประทับเหนือฐานสูงล้อมด้วยคำภาวนาบูชา ด้านหลังเป็นรูปจำลององค์เทพสูงสุดของศาสนาพราหมณ์ พระศิวะทรงโค พระนารายณ์ทรงครุฑ พระพรหมทรงหงส์ ล้อมด้วยคำภาวนาพระคาถาจึงเป็นเหรียญ ๒ ศาสนา ที่มีอานุภาพ ด้านการปกครอง แต่หายากสุดๆ แต่ไม่เกินมือ เสี่ยอิทธิ ชวลิตธำรงเป็นเหรียญเนื้อทองแดงกะไหล่ทอง สภาพงามสมบูรณ์เต็มร้อยจริงๆ เห็นยังนึกว่าเป็นเนื้อทองคำ แต่เจ้าของบอกว่ามีสร้างเพียง เนื้อกะไหล่ทอง--ถึงจะแค่กะไหล่ทอง แต่ราคาว่ากันหลักแสนปลายขึ้นหลักล้าน ขอบอกวันนี้เหรียญยึดสนาม สุดท้ายคือ เหรียญรุ่น ๒ พ.ศ.๒๕๑๖ เนื้อทองคำ หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน จ.สระบุรี พระเกจิฯผู้ได้ชื่อเป็นพระปฏิบัติ มีจริยาวัตรงดงาม เจนจบในวิชาอาคม อักขระเลขยันต์ เหรียญรุ่น ๒ พ.ศ.๒๕๑๖ เนื้อทองคำ หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน ของเต้ วรชัย.ท่านมีชื่อเสียงด้วย ตะกรุดมหาจักรพรรดิ ลงพระคาถา ๒๑๖ ช่อง เลื่องลือด้วยประสบการณ์คุ้มครองป้องกันภัย หนุนนำความเจริญรุ่งเรือง และสร้างเหรียญรุ่นนี้เป็นรุ่น ๒--เนื้อทองคำแบบนี้ ของ เสี่ยเต้ วรชัย มีเพียง ๑๖ เหรียญเท่านั้นลาเดือนสิบด้วยเรื่องปิดท้าย ในสนามพระใหญ่ชานกรุง ซึ่งเหงาๆ มีลูกค้าน้อยกว่าเจ้าของร้าน ที่เดินแวะส่องพระคุยกันเอง ที่คึกคักหน่อย คือร้านกาแฟ ที่ชุมนุมเม้าท์เรื่องเหรียญหลวงปู่ทวดเลื่อนสมณศักดิ์จึงเตือนกันเองให้หยุดเล่นพระ รอความชัดเจน แต่ เสี่ยเสกสรร นักนิยมพระสายสะสม ส่ายหัว บอกว่า ผมคงไม่หยุด.....n คนอื่นถามว่า คุณรู้เก๊-แท้ แน่แล้วหรือถึงยังจะเล่น เสี่ยเสกสรร บอกก็ยังคาใจอยู่ แต่ที่ไม่หยุด เพราะรู้แน่คือ ชาตินี้ไม่มีปัญญาหาเงิน ๕ ล้าน ๑๐ ล้าน มาซื้อเหรียญนั้นได้ หยุดไม่หยุดก็ค่าเท่านั้น เล่นลุยไปดีกว่า เจ้าค่ะ อามิตตพุทธ....สีกาอ่างคลิกอ่านคอลัมน์ "สนามพระ" เพิ่มเติม