เนื่องในวันที่ 29 กันยายนของทุกปี เป็น “วันหัวใจโลก (World Heart Day)” บริษัท แกล็กโซสมิทไคล์น (ประเทศไทย) หรือ GSK ร่วมรณรงค์วันหัวใจโลก ด้วยการชวนคนไทยรู้เท่าทันความเสี่ยงต่อหัวใจ ซึ่งจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Don’t Miss a Beat” เน้นถึงความสำคัญคือการดูแลหัวใจและสุขภาพอย่างต่อเนื่อง การดูแลเชิงรุกจึงเป็นเรื่องจำเป็น โดยเฉพาะโรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งสามารถส่งผลกระทบอย่างมากต่อสุขภาพพญ.บุษกร มหรรฆานุเคราะห์ ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ GSK กล่าวว่า เนื่องในวันหัวใจโลก การสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสมจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้ผู้คนมีสุขภาพร่างกายและหัวใจที่แข็งแรง ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ หนึ่งในนั้นคือ โรคปอดอักเสบจากไวรัสอาร์เอสวี ซึ่งเป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ ที่หลายคนอาจเข้าใจผิดว่าเป็นเพียงไข้หวัดธรรมดา แต่สามารถแพร่กระจายได้ง่ายและรวดเร็ว ผ่านการหายใจเอาละอองเสมหะของผู้ป่วย หรือสัมผัสกับสารคัดหลั่งที่ปนเปื้อนตามสิ่งแวดล้อมต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเด็ก หากมีการแพร่เชื้อโดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหัวใจขาดเลือด หรือโรคเบาหวาน ซึ่งความรุนแรงอาจนำไปสู่ภาวะปอดติดเชื้อ ระบบหายใจล้มเหลว หรือร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ พญ.บุษกร กล่าวย้ำว่า เชื้ออาร์เอสวีสามารถแพร่กระจายได้ง่ายและเร็วกว่าเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่และเชื้อโควิด ผู้ติดเชื้อ 1 คน สามารถแพร่กระจายไปได้ถึง 3 คน อาการเริ่มต้นของโรคปอดอักเสบจากไวรัส อาร์เอสวีจะคล้ายกับไข้หวัดใหญ่ เช่น มีไข้ ไอ น้ำมูก และเสมหะ แต่หากอาการรุนแรงขึ้น ผู้ป่วยจะมีอาการหอบเหนื่อยและหายใจมีเสียงหวีด ซึ่งถือเป็นสัญญาณอันตราย ปัจจุบันยังไม่มียารักษาโรคปอดอักเสบจากไวรัสอาร์เอสวีโดยเฉพาะผู้ใหญ่ที่ติดเชื้อส่วนใหญ่มักไม่ได้รับการวินิจฉัยและเป็นการรักษาตามอาการ ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนได้ในที่สุด ดังนั้นอย่ามองข้ามอาการหวัด เพราะอาจเจอโรคปอดอักเสบจากไวรัสอาร์เอสวี ที่ส่งผลต่อหัวใจ และผู้ที่เป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด (CVD) ได้แก่ผู้สูงอายุที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป และผู้ที่มีโรคหัวใจและหลอดเลือด มีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับผลกระทบจากโรคปอดอักเสบจากไวรัสอาร์เอสวีที่รุนแรงเพิ่มขึ้น ส่วนการ ปกป้องหัวใจมีขั้นตอนง่ายๆ ล้างมือด้วยสบู่และน้ำอย่างน้อย 20 วินาทีบ่อยๆ และหลีก เลี่ยงการสัมผัสใบหน้าโดยไม่จำเป็น นอกจากนี้วัคซีนช่วยลดความเสี่ยงของโรคปอดอักเสบ จากไวรัสอาร์เอสวีได้ ปรึกษาแพทย์ เพื่อรับ คำแนะนำเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่อายุ 50 ปีขึ้นไป.อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” เพิ่มเติม