คงจะทราบกันแล้วว่า กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ได้จัดให้มีการติดตามค้นหาอาหารอร่อยประจำจังหวัดต่างๆ ที่เคยมีมาแต่โบราณกาล แต่สูญหายไปในช่วงหลังๆ บวกกับอาหารบางอย่างที่รับประทานกันจนฮิตในระดับจังหวัด แต่คนไทยทั่วๆไปยังไม่รู้ ที่เรียกว่า “โครงการ 1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่น : รสชาติที่หายไป” พร้อมกับประกาศรายชื่อว่าอาหารชนิดใดของจังหวัดใดบ้างที่ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นเมนูเด็ดที่หายไป ประจำปีต่างๆ โดยมีพี่น้องแต่ละจังหวัดรอลุ้นกันอยู่อย่างใจจดใจจ่อนั้นสำหรับปีนี้ 2568 กรมส่งเสริมวัฒนธรรมได้ประกาศออกมาเรียบร้อย เมื่อวันที่ 15 สิงหาคมนี่เอง ผลปรากฏว่ามีอาหารและของหวานชื่อแปลกๆ หารับประทานยากติดอันดับจนครบ 77 จังหวัด ทั่วประเทศไทย อาทิ ขนมหัวผักกาดกวนโรยถั่วลิสง (กำแพงเพชร) แกงแคไก่เมือง (เชียงราย) แกงมะแฮะ (ตาก) แกงไข่ผำ (ขอนแก่น) ลอดช่องเค็ม (อุตรดิตถ์) ขนมนวลแห้ว (นครสวรรค์) และ ขนมขี้หนู (กทม.) ฯลฯท่านผู้อ่านที่สนใจอยากรู้ว่าจังหวัดของท่านได้รับการประกาศยกย่องอย่างเป็นทางการว่าเป็นของดีของจังหวัดและอาจสูญหายไป หากไม่อนุรักษ์ไว้ โปรดเข้ากูเกิลดูรายละเอียดจาก กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้เลยนะครับสำหรับทีมงานซอกแซกขออนุญาตทำหน้าที่เช่นเดียวกับเมื่อปีที่แล้ว เขียนแนะนำเพิ่มเติมเฉพาะ “อาหาร” ของจังหวัดนครสวรรค์เท่านั้น ไม่ใช่เฉพาะ “ลำเอียง” หรือ “จังหวัดนิยม” ที่เป็นคนนครสวรรค์นะครับ แต่เป็นเพราะโดยข้อเท็จจริงแล้ว อาหารนครสวรรค์ที่ได้รับการยกย่องปีที่แล้ว (แกงนอกหม้อ) กับ นวลแห้ว ในปีนี้เป็นอาหารพื้นถิ่น ที่หัวหน้าทีมรู้จักเป็นอย่างดี เพราะรับประทานมาตั้งแต่เด็กๆนั่นเองดังนั้น หากปีนี้จะเขียนเฉพาะ “ขนมนวลแห้ว” เพียงขนมเดียวหรืออาหารเดียว พี่น้องจังหวัดอื่นๆ อย่าตัดพ้อต่อว่าก็แล้วกันขนมนวลแห้ว เป็นขนมที่ทำมาจากแป้งแห้วนั่นเอง และก็เป็น “แห้วนา” หรือ “แห้วพื้นเมือง” หัวเล็กๆที่ขึ้นอยู่ในนาข้าวหลังฤดูเก็บเกี่ยว ซึ่งชาวนาในเขตอำเภอบรรพตพิสัยในอดีตมักไปขุดแห้วมาบดตากแห้งจนกลายเป็นแป้งแล้วไปปรุงต่อเป็นขนมนวลแห้วดังกล่าว กลายเป็นขนมพื้นถิ่นที่มีการปรุงและมีการขายโดยแม่ค้าหาบด้วยเมื่อครั้งหัวหน้าทีมซอกแซกยังเป็นเด็กต่อมาเมื่อการทำนาเริ่มลดลง และมีการเปลี่ยนระบบทำนาจากใช้ไถโดยควายมาเป็นรถไถ ต้นแห้วนาก็ค่อยๆหายไปโดยอัตโนมัติ แต่ก็ยังพอมีอยู่บ้างในท้องนาห่างไกล ซึ่งมีแห้วนาขึ้นอยู่ แต่ก็ไม่มากพอที่จะนำมาเป็นวัตถุดิบในการปรุงขนมนวลแห้วได้อย่างยุคแรกๆ ส่งผลให้ขนมนวลแห้วกลายเป็นขนมที่หายาก เพราะแป้งแห้วราคาแพงมาก จึงมีการสั่งมาปรุงเฉพาะในงานเลี้ยงสำคัญๆ เช่น งานบวช งานแต่งเท่านั้น มิได้มีการทำออกขายตามแผง หรือให้แม่ค้าหาบขายอีกเลยไม่ตํ่ากว่า 30-40 ปีมาแล้วเวลาหัวหน้าทีมซอกแซกกลับบ้านก็จะโทรศัพท์ไปบอกญาติๆที่รู้จักขนมนวลแห้วอย่างดีและถ่ายทอดวิชาปรุงให้แก่ลูกๆหลานๆ จำนวนหนึ่งไปตระเวนหาซื้อแป้งเตรียมล่วงหน้าไว้ จึงทำให้ยังมีโอกาสได้รับประทานขนมชนิดนี้อยู่ แม้จะหารับประทานยากยิ่งขึ้นทุกวันๆก็ตามในเอกสารข่าวของ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม รายงานไว้ตอนหนึ่งว่า ขนมนวลแห้ว ได้รับการเสนอจากนางสาว รัชนี เชาว์ปรีชา ซึ่งเป็นปราชญ์ท้องถิ่นของอำเภอบรรพตพิสัย และเป็นรองประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครสวรรค์ ในฐานะที่ได้ติดตามต้นกำเนิดของความเป็นมาของขนมนวลแห้วในเขตอำเภอบรรพตพิสัยมาเป็นเวลายาวนาน และต่อมาเมื่อกลายเป็นขนมที่น่ารับประทานมาก เพราะการเปลี่ยนแปลงในวิถีชีวิตเกษตรกรไทยอย่างมากในปัจจุบัน จึงได้เสนอให้ขนมชนิดนี้เป็นขนมที่ควรอนุรักษ์ไว้ และหาทางสืบทอดต่อไปสู่คนรุ่นหลังสืบไป โดยตัวคุณ รัชนีเองก็ได้ทดลองจัดทำนาสาธิตปลูกข้าว สำหรับเป็นวัตถุดิบในการทำขนม “นวลแห้ว” อยู่ด้วย ครับ ก็เป็นที่มาที่ไปของ “ขนมดัง” นครสวรรค์ปีนี้จากข้อมูลส่วนตัวของหัวหน้าทีมซอกแซกอย่างไรก็ดี คงต้องหมายเหตุไว้ด้วยว่า “ขนมนวลแห้ว” มิใช่เพียงแต่จะเป็นขนมของอำเภอบรรพตพิสัยเท่านั้น ต่อมาภายหลัง หัวหน้าทีมซอกแซกซึ่งมีโอกาสได้ทำงานด้านพัฒนาชนบทด้วย ได้ออกตระเวนไปเกือบทุกจังหวัดทั่วประเทศไทยทำให้ทราบว่า “ขนมนวลแห้ว” เป็นอาหารพื้นถิ่นของหลายๆอำเภอในจังหวัด กำแพงเพชร, พิจิตร ข้ามไปจนถึง พิษณุโลก ด้วย โดยเฉพาะพิษณุโลกปัจจุบันก็ยังมีหลายๆ อำเภอที่ยังคงเก็บแห้วนามาทำขนมนวลแห้วอยู่ดังนั้น แม้ว่ากระทรวงวัฒนธรรมจะยกเครดิตนี้ให้แก่จังหวัดนครสวรรค์ (โดยเฉพาะอำเภอบรรพตพิสัย) แต่หัวหน้าทีมซอกแซกก็ถือโอกาสใช้ความรู้ส่วนตัวมอบเครดิตนี้ต่อให้แก่หลายๆอำเภอ หลายๆ จังหวัดในละแวกใกล้เคียงกันด้วย...และขอให้ช่วยกันฟื้นฟู “ขนมนวลแห้ว” ให้อยู่ยั้งยืนยง เป็นขนมท้องถิ่น “ภาคเหนือตอนล่าง” ตราบนานแสนนานนะครับ.“ซูม”คลิกอ่านคอลัมน์ “ซูมซอกแซก” เพิ่มเติม