“เติ้น–ทัศนพล อินทรภูวศักดิ์” นักแข่งดาวรุ่งของไทย วัย 19 ปี แห่งทีม Campos Racing ได้เปิดใจครั้งแรกหลังสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่เป็นคนไทยคนแรกที่คว้าแชมป์ระดับโลก FIA Formula 3 Championship 2025 สนามที่ 7 ณ สนามซิลเวอร์สโตน ประเทศอังกฤษเติ้นเล่าย้อนไปถึงจุดเริ่มต้น “ผมจำได้เลยว่าตอนเด็กๆ ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ครั้งแรก หัวใจผมเต้นแรงเหมือนโดนมนต์สะกด รู้เลยว่านี่คือโลกของผม”พร้อมย้ำว่า “คุณพ่อ” (“วุฒิกร อินทรภูวศักดิ์” ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด–AAS) คือคนสำคัญที่ปลุกไฟฝันให้กลายเป็นจริง“เส้นทางนี้ไม่เคยง่าย มีหลายครั้งที่รู้สึกท้อ พ่ายแพ้ หรือบาดเจ็บจนคิดจะหยุด แต่ผมจะนึกถึงคำพูดของพ่อที่บอกว่า ‘ถ้ารู้ว่าอยากไปไหน ก็อย่าหยุดเดิน’ มันคือคำที่ผลักดันให้ผมลุกขึ้นทุกครั้งที่ล้มลง”เติ้นยังเล่าถึงการเตรียมตัวก่อนลงสนามทุกครั้งว่า “ทั้งร่างกายและจิตใจต้องพร้อมรบ 100% ผมฝึกซ้อมอย่างเข้มข้น ทั้งการคุมอาหาร การทำสมาธิ การสร้างภาพชัยชนะและวิธีการไปถึงชัยชนะในหัวทุกคืนก่อนนอน ผมเชื่อว่าเมื่อเราร่างภาพนั้นได้ชัด เราจะสามารถดึงมันออกมาให้เป็นไปได้จริงในวันแข่ง”สำหรับช่วงเวลาที่หัวใจเต้นแรงที่สุดในสนาม เติ้นบอกว่า คือจังหวะที่โดนแซงในรอบที่ 6 ก่อนคว้าชัยชนะที่สนามซิลเวอร์สโตน “มันเป็นเสี้ยววินาทีที่ใจหล่นวูบ แต่ผมเลือกที่จะไม่ตื่นตระหนก ค่อยๆรวบรวมสมาธิทั้งหมด เพราะผมเชื่อว่าตัวเองยังมีโอกาส ถ้าเรานิ่งพอและบริหารจัดการยางและสติในการขับของเราได้ดีพอ เราจะกลับมาได้” และสิ่งนั้นก็เกิดขึ้นจริงเมื่อเขาเร่งแซงในรอบที่ 10 จนสามารถกลับขึ้นมายืนอยู่ในตำแหน่งผู้นำหัวแถวได้สำเร็จอีกครั้งเติ้นกล่าวว่า หนึ่งในบทเรียนสำคัญจากการแข่งขันครั้งนี้คือ “ความนิ่งสำคัญพอๆ กับความเร็ว” รวมถึงการทำงานเป็นทีม ซึ่งถือเป็นหัวใจของชัยชนะ เพราะ “นักแข่งไม่มีวันไปถึงเส้นชัยคนเดียว”สำหรับชัยชนะครั้งนี้ของเติ้น “มันมีค่ามาก ไม่ใช่แค่กับผม แต่กับวงการมอเตอร์สปอร์ตของประเทศไทย”เพราะนี่คือบทพิสูจน์ว่าศักยภาพของเด็กไทยนั้นสามารถลงสู้ศึกในการแข่งขันระดับโลกได้ “ผมหวังว่าชัยชนะนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้เยาวชนไทยทุกคนลุกขึ้นตามหาความฝัน และทำตามความฝันของตน ไม่ว่าอุปสรรคจะใหญ่แค่ไหน ผมเชื่อว่าถ้าเรามุ่งมั่นและเอาจริงกับมัน เราจะพบความสำเร็จ”เติ้นยังขอบคุณครอบครัว ทีม Campos Racing ผู้สนับสนุน และแฟนๆ โดยเฉพาะแฟนชาวไทยที่ส่งแรงใจผ่านโซเชียลมาอย่างล้นหลาม “ผมเห็นทุกคอมเมนต์ ทุกกำลังใจ มันคือพลังที่ทำให้ผมไม่ยอมแพ้ ผมอยากขอบคุณพ่อกับแม่ ที่เชื่อมั่นในตัวผมมาตลอด พวกท่านคือเหตุผลสำคัญที่ผมยังยืนอยู่ตรงนี้ได้”เมื่อถามถึงเป้าหมายต่อไป เติ้นตอบชัดว่า “FIA Formula 2 คือเป้าหมายระยะใกล้ และแน่นอน Formula 1 (F1) คือความฝันสูงสุดของผม ผมอยากเห็นธงชาติไทยบนเวทีนั้น และเชื่อว่าวันนั้นจะต้องมาถึง”เติ้นยังได้ฝากข้อคิดถึงคนรุ่นใหม่ว่า “อย่าปล่อยให้ความกลัวมาหยุดความฝันของคุณ ทุกอุปสรรคคือบททดสอบ แต่ถ้าคุณไม่ยอมแพ้ มันจะกลายเป็นบทพิสูจน์ว่าคุณคือของจริง”.อัลคาโปนคลิกอ่านคอลัมน์ “มอเตอร์วอร์ส” เพิ่มเติม