ในขณะที่ธุรกิจเอสเอ็มอีไทยส่วนใหญ่ยังสาหัส ขาดสภาพคล่อง, เข้าไม่ถึงแหล่งทุน, หนี้ท่วมหัว และขาดศักยภาพการแข่งขัน ต้องปรบมือให้ 6 ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยรุ่นใหม่ เจ้าของรางวัล “Bai Po Business Awards by Sasin ครั้งที่ 20” จัดโดยธนาคารไทยพาณิชย์ ร่วมกับสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ จุฬาฯ ซึ่งสามารถสร้างความแตกต่างให้ธุรกิจ ฝ่าฟันวิกฤติด้วยพลังความคิดสร้างสรรค์, การบริหารจัดการอย่างมีวิสัยทัศน์ และแสดงถึงศักยภาพในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน จนกลายเป็นต้นแบบของเอสเอ็มอีไทยทั่วประเทศ สร้างแรงใจมหาศาล นำทัพโดย “วาศิณี สุรชาติชัยฤทธิ์” ผู้ก่อตั้ง “บริษัท โซดา น้ำชา จำกัด” เจ้าของร้านเบเกอรีและอาหารเพื่อสุขภาพพร้อมทาน “White Story” ที่มีสาขามากถึง 92 สาขา และจะเพิ่มเป็น 100 สาขา ภายในสิ้นปีนี้ ความสำเร็จของ “White Story” เติบโตภายใต้โมเดลธุรกิจแบบ Grab & Go ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์นิวนอร์มอลของผู้บริโภค มุ่งพัฒนาคุณภาพสินค้าโดยมีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง และเลือกใช้วัตถุดิบเกษตรอินทรีย์ ปลอดสารกันบูด เพื่อสร้างสรรค์ทุกเมนูให้ดีต่อสุขภาพในราคาที่เอื้อมถึงได้ นอกจากจะเป็นขวัญใจหนุ่มสาวออฟฟิศ “White Story” ยังเป็นต้นแบบของแบรนด์ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง มีการสร้างวงจรไร้ขยะเศษอาหาร ด้วยการบริหารจัดการสต๊อกสินค้าให้พอดีในแต่ละวัน และนำ Food Waste จากกระบวนการผลิตแปรรูปมาทำเป็นปุ๋ยอินทรีย์ รวมถึงรับบริจาคถุงและฟิล์มพลาสติกจากลูกค้าไปรีไซเคิล นับเป็นธุรกิจที่สร้างความยั่งยืนด้วยการใส่ใจคนใส่ใจโลก สมกับที่ได้รับรางวัลในมิติขององค์กรที่มีการบริหารจัดการด้านสินค้าและบริการที่สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า, การบริหารจัดการด้านการปฏิบัติการ และองค์กรที่มีการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน เอสเอ็มอีไทยยุคใหม่หัวใจรักษ์โลกยังรวมถึง “วาที วิเชียรนิตย์” ผู้ก่อตั้ง “บริษัท วีอิ้ง อินเตอร์เทรด จำกัด” เจ้าของรางวัลองค์กรที่มีการสร้างสรรค์นวัตกรรม, องค์กรที่มีการบริหารจัดการด้านการสร้างตราสินค้าและการตลาด และการสร้างธุรกิจด้วยพลังแห่งการเป็นผู้ประกอบการ ย้อนจุดเริ่มต้นของแบรนด์ “V!NG” รองเท้าแตะสำหรับวิ่งมาราธอนสัญชาติไทยแบรนด์แรก ได้แรงบันดาลใจจากความชื่นชอบการวิ่งมาราธอน เขาเคยประสบปัญหารองเท้าวิ่งบีบกัดระหว่างแข่งมาราธอน จนต้องซื้อรองเท้าแตะใส่แทน ทำให้ค้นพบว่ารองเท้าแตะก็สามารถวิ่งได้จนจบ กลายเป็นไอเดียมาต่อยอดสร้างธุรกิจรองเท้าแตะสำหรับใส่วิ่งที่มีประสิทธิภาพดีเท่ารองเท้าผ้าใบ ช่วงแรกของการพัฒนารองเท้าแตะนักวิ่ง เขาต้องระดมเงินทุนด้วยการจัดงานวิ่ง Virtual Run โดยแจกรองเท้าแตะวิ่งให้ผู้เข้าร่วมงานกว่า 900 คน รวบรวมเงินได้เกือบ 1 ล้านบาท จึงนำมาเป็นทุนเปิดตัวรองเท้ารุ่นแรกชื่อว่า “V!NG 100k” ผลิตจากวัสดุ Compound-Eva & TPU นุ่มและเบาเพียง 100g ช่วยป้องกันปัญหาเล็บม่วง, รองเท้ากัด, ปวดเท้า, ปวดข้อเข่า และรองช้ำ ที่สำคัญสามารถส่งแรงให้ก้าวไปข้างหน้าได้ไกลขึ้น กลายเป็นโปรดักส์แชมเปี้ยนที่สร้างยอดขายได้ถึง 12,000 คู่ ภายในเวลาปีเดียว พร้อมพิสูจน์คุณภาพด้วยการให้นักแข่งวิ่งอัลตร้ามาราธอนสวมใส่วิ่งสำเร็จมาแล้วหลายงาน และล่าสุดเพิ่งเปิดตัว “NIRUN” รองเท้าแตะวิ่งรุ่นแรกของโลกที่มีแผ่น Carbon-Plate ซึ่งมีประสิทธิภาพเท่า Super Shoes ช่วยเสริมแรงกระโดดและความเร็ว ใส่แล้วเบาติดเท้า เพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขันวิ่ง โดยตลอดเวลา 5 ปีที่ผ่านมา สามารถสร้างยอดขายได้ถึง 250,000 คู่ เขายังคิดทำรองเท้าสุขภาพ เนื่องจากคุณแม่ประสบอุบัติเหตุข้อเท้าหัก กลายเป็นที่มาของรองเท้าสุขภาพรุ่น “VARI” เกิดจากการวิจัยร่วมกับมหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยใช้วัสดุ TPE สูตรเฉพาะ ทำให้มีความนุ่มกว่ารองเท้าแตะสุขภาพทั่วไป 40% สามารถช่วยลดระยะเวลารักษาและทำกายภาพบำบัดสำหรับผู้ที่มีภาวะพังผืดฝ่าเท้าอักเสบ สร้างยอดขายไปแล้วกว่า 80,000 คู่ ด้วยความกตัญญูที่มีต่อประเทศชาติ จากการได้รับพระราชทานทุนเล่าเรียนหลวงไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกา เมื่อประเทศไทยต้องเผชิญปัญหาสินค้าเกษตรราคาตกต่ำ “สุวิมล สิระนาท” ผู้ก่อตั้ง “บริษัท เติมเนเจอร์ อินดัสตรี้ จำกัด” จึงเกิดแรงบันดาลใจที่จะนำผลผลิตทางการเกษตรไทยมาแปรรูป เพื่อเพิ่มมูลค่าและส่งออก โดยเริ่มจากการทดลองพัฒนาผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวจากข้าวหอมมะลิ ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจหลักของไทย นำออกจำหน่ายตามงานแสดงสินค้าและร้านค้าสุขภาพ จนได้รับการตอบรับที่ดี จึงสร้างโรงงานเพื่อยกระดับการผลิตให้ได้มาตรฐานสากล ภายใต้ชื่อบริษัท เติมเนเจอร์ อินดัสตรี้ จำกัด ขยายสู่การรับจ้างผลิตแบบครบวงจร ตั้งแต่ขั้นตอนวิจัย ไปจนถึงการพัฒนานวัตกรรมการผลิต และออกแบบบรรจุภัณฑ์ พร้อมสร้างแบรนด์ควบคู่ไปด้วย ภายใต้ชื่อ “Grinny” และ “O Puff” มีสินค้าครอบคลุมกลุ่มลูกค้าตั้งแต่เด็กวัย 9 เดือน จนถึงผู้ใหญ่วัยทำงาน ชูจุดเด่นใส่ใจสังคมด้วยการรับซื้อวัตถุดิบเกษตรท้องถิ่นจากหลากหลายจังหวัดเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรไทย สร้างชื่อเสียงจากการผลิตขนมที่ใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ และชูของดีจากเกษตรกรไทย โดยเน้นใช้กระบวนการอบ, ปราศจากผงชูรส, ไม่มีคอเลสเทอรอล, ปราศจากกลูเตน และโดดเด่นด้วยนวัตกรรมในการผลิตสินค้า เพื่อให้ได้สินค้าที่มีคุณภาพและราคาย่อมเยาเข้าถึงผู้บริโภคทุกระดับ คู่ควรกับรางวัลองค์กรที่มีการบริหารจัดการด้านสินค้าและบริการที่สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า, องค์กรที่มีการสร้างสรรค์นวัตกรรม และองค์กรที่มีการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน “ธนพล หวานสนิท” ก่อตั้ง “บริษัท โปรลอก ไทเทเนียม คอร์ปอเรชั่น จำกัด” จากวิสัยทัศน์ที่ต้องการยกระดับอุตสาหกรรมไทยให้สามารถเข้าถึงวัสดุคุณภาพระดับโลกอย่าง “ไทเทเนียม” ในราคาที่แข่งขันได้ โดยนำประสบการณ์ด้านวัสดุวิศวกรรมเฉพาะทางยกระดับธุรกิจสู่การเป็นศูนย์บริการ One Stop Service ด้านผลิตภัณฑ์ไทเทเนียมที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ครอบคลุมทั้งการจัดหาวัสดุ, การออกแบบ และผลิต โดยมุ่งตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า โดดเด่นด้วยการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่ช่วยเพิ่มคุณภาพและช่วยลดต้นทุนการผลิต ผ่านการรับรองมาตรฐานระดับสากล พร้อมดูแลสิ่งแวดล้อมด้วยการนำเศษไทเทเนียมมารีไซเคิล คำนึงถึงความปลอดภัยของชุมชนรอบข้างและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน เขาตั้งเป้าจะก้าวเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ MAI และมุ่งขยายตลาดสู่กลุ่มประเทศยุโรป นอกเหนือจากสหรัฐอเมริกา, ญี่ปุ่น, อินโดนีเซีย และมาเลเซีย นับว่าท็อปฟอร์มสมกับที่คว้ารางวัลองค์กรที่มีการสร้างสรรค์นวัตกรรม, องค์กรที่มีการบริหารจัดการด้านสินค้าและบริการที่สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า และการสร้างธุรกิจด้วยพลังแห่งการเป็นผู้ประกอบการ เอสเอ็มอีไทยรุ่นใหม่ที่ต่อยอดธุรกิจจากครอบครัว จนพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด ต้องยกให้ “สิวารี เจริญจิตมั่น” ทายาทรุ่นใหม่ผู้สืบทอดกิจการ “บริษัท ไมครอนโปรโมชั่น จำกัด” ผู้ผลิตเครื่องใช้เพื่อการจัดเก็บในครัวเรือนแบรนด์ “Super Lock” ครอบครัวของเธอเริ่มธุรกิจจากการเป็นผู้รับจ้างผลิตสินค้าพลาสติกให้ประเทศญี่ปุ่น ก่อนจะผันตัวสู่ธุรกิจออกแบบและคิดค้นสินค้าด้านนวัตกรรมเครื่องใช้ในครัวเรือน ภายใต้แบรนด์ “Super Lock” ชูจุดขายชัดเจนในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดเก็บ โดดเด่นด้วยการใช้วัสดุพลาสติกเกรดเอมาผนวกกับเทคโนโลยี Microban ที่ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียได้ยาวนานตลอดอายุการใช้งาน ถือเป็นแบรนด์แรกและแบรนด์เดียวในไทย ที่นำนวัตกรรมนี้เข้ามาใช้ในกล่องบรรจุอาหาร สร้างความแตกต่างเหนือคู่แข่งในท้องตลาด แถมยังมีเทคโนโลยีล็อกสองชั้น พร้อมซีลซิลิโคนพิเศษป้องกันการรั่วซึม ช่วยถนอมอาหารได้ยาวนาน เมื่อถึงยุคของทายาทรุ่นใหม่ เธอได้เข้ามาปรับโฉมของ “Super Lock” ให้ดูทันสมัยน่าใช้ขึ้น โดยมุ่งสร้างดีไซน์สินค้าโดยคำนึงถึงความต้องการและปัญหาของผู้บริโภคเป็นหลัก เพื่อปักหมุดเป็น “Lifestyle Solutions Provider” ที่ตอบโจทย์ทั้งด้านสุขอนามัยและไลฟ์สไตล์ของลูกค้ายุคใหม่ มีการขยายโปรดักส์ไลน์ไปถึงกล่องเก็บรองเท้า, กล่องเก็บกล้องถ่ายรูป, กล่องเก็บไข่ไก่ และกล่องช่วยจำ ทั้งในรูปแบบกล่องอาหาร, กล่องยา และกล่องเก็บของ เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้ามากขึ้น โดยปัจจุบันมีไลน์สินค้าครอบคลุมกว่า 10 หมวดหมู่ 500 รายการ ก้าวสำคัญอีกก้าวคือ การรีแบรนดิ้งใหม่ให้ทันสมัยกว่าเดิม โดยจับมือดีไซน์สตูดิโอดังจากเดนมาร์ก “เจค็อบ เจนเซน” ปรับโฉมแบรนด์ใหม่ให้ทันสมัย ทั้งด้านคุณค่า, ดีไซน์, โลโก้ และแพ็กเกจจิ้ง พร้อมจับมือแบรนด์ลิขสิทธิ์ระดับโลก เช่น ซานริโอ และมูมิน เพื่อเจาะตลาดกลุ่มคนรุ่นใหม่ นอกจากนี้ ยังขยายช่องทางการขายทั้งแบบหน้าร้าน และช่องทางออนไลน์ พร้อมทำแคมเปญการตลาดต่อเนื่อง ทำให้ยอดขายเติบโตไม่หยุด และสามารถส่งออกสินค้าไปกว่า 40 ประเทศทั่วโลก รับไปเลยรางวัลองค์กรที่มีการบริหารจัดการด้านสินค้าและบริการที่สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า, องค์กรที่มีการบริหารจัดการด้านการสร้างตราสินค้าและการตลาด และการบริหารจัดการด้านการปฏิบัติการ อีกหนึ่งเอสเอ็มอีไทยรุ่นใหม่ ที่เข้ามาต่อยอดธุรกิจของครอบครัว และสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้อย่างน่าทึ่ง จนคว้ารางวัลองค์กรที่มีการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และการสร้างธุรกิจด้วยพลังแห่งการเป็นผู้ประกอบการ ยังรวมถึง “จิรยุทธ์ เตียวสมบูรณ์กิจ” ผู้ก่อตั้ง “บริษัท นิพพาน อินเตอร์คร็อพ จำกัด” ผู้ผลิตและแปรรูปวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรด้วยพลังแห่งการเป็นผู้ประกอบการ เขาต่อยอดธุรกิจจากฟาร์มไก่ไข่และฟาร์มสุกร “จิ้นง่วนเส็ง” ของครอบครัวที่ลพบุรี โดยเริ่มก่อตั้งโรงงานผลิตมูลไก่ไข่และมูลสุกรอัดเม็ด เพื่อบุกตลาดปุ๋ยอินทรีย์ ใช้นวัตกรรมการผลิตที่ทันสมัยได้มาตรฐานคุณภาพ ทำให้กิจการเติบโตอย่างรวดเร็ว และได้รับการยอมรับจากเกษตรกรทุกภูมิภาค ด้วยแรงบันดาลใจที่อยากจะช่วยชาวบ้านให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จึงเกิดไอเดียเพิ่มนำกระถินที่มีอยู่มากในพื้นที่มาผลิตเป็นกระถินบด ซึ่งมีสารแซนโตฟิวส์ ที่ช่วยเพิ่มคุณภาพของไข่ไก่ เพื่อให้เกษตรกรไทยใช้ทดแทนการนำเข้าสารดังกล่าวจากต่างประเทศ นอกจากนี้ เขายังนำซังข้าวโพดมาแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ทำเป็นวัสดุรองนอนสัตว์, วัตถุดิบอาหารสัตว์, วัสดุเพาะเชื้อเห็ด และทำเชื้อเพลิง พร้อมสร้างความยั่งยืนตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ส่งเสริมให้เกษตรกรไทยมีรายได้ด้วยการรับซื้อวัตถุดิบโดยรับประกันราคาล่วงหน้า ช่วยสร้างงานและสร้างรายได้ด้วยการจ้างงานแรงงานคนในชุมชน นับเป็นต้นแบบนักธุรกิจไทยเลือดใหม่ ที่มุ่งผลิตสินค้าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมเกษตรกรไทยให้มีรายได้ที่มั่นคงอย่างยั่งยืน.ทีมข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่