หลังเผชิญกับปัญหาตัวเรือด หรือ Bed Bug ระบาดทั่วประเทศ ญี่ปุ่นก็ต้องเผชิญกับปัญหาสุขภาพและโรคระบาดรุนแรงอย่างต่อเนื่องล่าสุดโรคแบคทีเรียกินเนื้อคน หรือ Streptococcal toxic shock syndrome (STSS) ที่โดยปกติพบได้ไม่บ่อย ได้กลายเป็นภัยคุกคามทางสุขภาพสำหรับญี่ปุ่น โดยเฉพาะจำนวนผู้ป่วยที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และ อาจส่งผลถึงความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวที่กำลังจะเดินทางไปญี่ปุ่นในช่วงฤดูกาลนี้ด้วยSTSS หรือแบคทีเรียกินเนื้อคน เป็นปัญหาใหญ่ด้านสุขภาพของญี่ปุ่นมาตั้งแต่ปี 2023 ที่ผ่านมาและสถานการณ์เริ่มรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็วในปี 2024 หลังการระบาดหนักขึ้นทั้งในกรุงโตเกียวและทั่วประเทศญี่ปุ่นโดยมีผู้เสียชีวิตเกือบ 50 ราย โรคแบคทีเรียกินเนื้อ หรือ streptococcal toxic shock syndrome (STSS) นั้นเป็นอาการที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย หนึ่งในนั้นคือแบคทีเรียสเตรปโตค็อกคัส กลุ่ม A ซึ่งจะทำให้เนื้อเยื่อผิวหนังและกล้ามเนื้อตาย โดยมีอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 30%ช่องทางการติดเชื้อ แบคทีเรียสเตรปโตค็อกคัส กลุ่ม A สามารถแพร่เชื้อได้หลายช่องทางทั้งผ่านละอองจากการไอ จาม การสัมผัสพื้นผิวต่างๆ รวมถึงทางบาดแผลบริเวณมือหรือเท้าข้อมูลทางการแพทย์โดยทั่วไประบุตรงกันการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศและความชื้น เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดเชื้อแบคทีเรีย Necroti zing Fasciitis หรือโรคแบคทีเรียกินเนื้อคนได้ โดยเมื่อเชื้อมีจำนวนมากขึ้น ก็สามารถที่จะกระจายหรือแพร่เชื้อได้มากขึ้นเช่นเดียวกันที่เรียกว่าแบคทีเรียกินเนื้อคนก็เพราะว่า การติดเชื้อชนิดนี้จะทำให้เกิดการอักเสบอย่างรุนแรงที่ผิวหนังก่อนจะลุกลามไปยังเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังชั้นไขมันใต้ผิวหนัง เนื้อเยื่อพังผืด รวมถึงกล้ามเนื้อและเส้นประสาท ทำให้เกิดการตายของผิวหนังและเนื้อเยื่อ และอาจลุกลามไปยังส่วนอื่นๆ รวมถึงเข้ากระแสเลือดจนเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตได้ สาเหตุสำคัญของการติดเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตค็อกคัส กลุ่ม A มีหลายปัจจัย อาจเกิดจากการเดินเท้าเปล่า ลุยโคลน โดนเปลือกหอย หรือเศษไม้ตำเท้า เศษแก้วบาด ทำให้เชื้อแบคทีเรียสามารถเข้าสู่ร่างกายได้ทั้งทางผิวหนังหรือกระแสเลือดผ่านทางแผลที่ถูกบาด แผลถลอก รอยข่วน แมลงกัดต่อย บาดแผลไฟไหม้ การใช้เข็มฉีดยา หรือแผลผ่าตัด หากไม่ได้ดูแลรักษาแผลให้ดี จะทำให้เกิดการติดเชื้อรุนแรง ในบางรายถึงขั้นต้องตัดเนื้อที่ตายบางส่วนออก ขณะที่บางรายถึงขั้นต้องตัดแขน ตัดขา หรือแม้แต่เสียชีวิตในที่สุด โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือมีภูมิคุ้มกันต่ำ มีโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ไตวาย หัวใจ ปอดเรื้อรัง หากมีแผลพุพองแล้วดูแลรักษาไม่ดี มีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบต่อการติดเชื้อรุนแรงมากกว่ากลุ่มอื่นๆนอกจากเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตค็อกคัส กลุ่ม A แล้วยังมีเชื้อกลุ่มอื่นๆ เช่น คลอสตริเดียม (Clostridium) เคล็บเซลลา (Klebsiella) อีโคไล (E.Coli) ที่สามารถทำให้เกิดภาวะติดเชื้อรุนแรง จนกัดกินผิวหนังและเนื้อเยื่อได้ โดยเข้าสู่ร่างกายผ่านทางผิวหนังจากการเกิดบาดแผลที่ดูแลรักษาไม่ถูกสุขลักษณะ เชื้อเหล่านี้ก็พร้อมที่จะไปทำลายเนื้อเยื่อผิวหนังและกล้ามเนื้อเนื้อเยื่อตาย รวมถึงทำให้เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือดได้อาการของโรคติดเชื้อแบคทีเรียกินเนื้อคนชนิดต่างๆมีตั้งแต่ปวดบาดแผลที่ผิวหนังร้อน แดง มีถุงน้ำ จุดดำ ตุ่ม และของเหลวซึมออกมา กล้ามเนื้อตึง มีไข้ วิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ ท้องเสีย กระหายน้ำ ปัสสาวะน้อย หลังการติดเชื้อและมีอาการดังกล่าวประมาณ 3-4 วัน หากไม่ได้รับการดูแลรักษาที่ดี จะเกิดภาวะกินเนื้อ เช่น มีผื่นสีม่วงขึ้น ตุ่มน้ำส่งกลิ่นเหม็น เนื้อเยื่อหลุดลอก ผิวหนังเปลี่ยนสี ความดันโลหิตต่ำ บางรายถึงกับหมดสติ ในระยะแรกอาการของโรคหลังการติดเชื้อจะคล้ายกับไข้หวัดใหญ่ แพทย์จึงอาจต้องซักประวัติการใช้ชีวิตประจำวัน ประกอบกับดูอาการผิดปกติทางผิวหนัง ตรวจกล้ามเนื้อเพื่อดูความเสียหายจาก CT Scan หรือ MRI ตรวจหาแบคทีเรียทางของเหลว เนื้อเยื่อของผู้ป่วย เพื่อวินิจฉัยได้ถูกต้องจะได้ให้การรักษาได้ถูกต้องตรงกับเชื้อโรคซึ่งวิธีรักษาโรคแบคทีเรียกินเนื้อคนมีหลายวิธี ตั้งแต่การใช้ยาหลายชนิดรวมกันผ่านทางหลอดเลือดดำ เพื่อให้ร่างกายสู้กับภาวะติดเชื้อ เช่น ยาปฏิชีวนะ ยาควบคุมความดันโลหิต สารภูมิคุ้มกันอิมมูโนโกลบูลิน การผ่าตัดกำจัดเนื้อเยื่อที่เสียหายหยุดการกระจายของเชื้อ ซึ่งในรายที่มีอาการรุนแรงอาจต้องตัดอวัยวะบริเวณนั้นทิ้งการป้องกันโรคนี้ง่ายๆคือ ต้องป้องกันการติดเชื้อ หรือไม่ให้เชื้อเข้าสู่ร่างกายได้ โดยเฉพาะเมื่อมีบาดแผลต้องพยายามล้างแผลให้สะอาด สวมใส่รองเท้าให้มิดชิด ใช้ปลาสเตอร์ หรือผ้าปลอดเชื้อปิดบาดแผล เปลี่ยนทุกครั้งเมื่อเปียกน้ำ หากสัมผัสกับผู้ป่วยโรคนี้ควรรีบไปปรึกษาแพทย์ทันทีอาชีพที่ต้องระวังเป็นพิเศษมีหลายอาชีพ เช่น เกษตรกรที่ทำไร่ ไถนา ควรสวมใส่รองเท้าบูตขณะทำงาน หรือแม้แต่คนที่ต้องทำงานในที่ย่ำน้ำแฉะๆตลอดเวลาก็ควรใส่รองเท้า เพื่อลดความเสี่ยงจากการเป็นแผลพุพองที่เท้า ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อแบคทีเรียกินเนื้อคนได้ง่าย.คลิกอ่านคอลัมน์ "สมาร์ทไลฟ์" เพิ่มเติม