ชีวิตนี้เจอดราม่าไม่หยุดหย่อน แต่สมาชิกวุฒิสภาขาลุย วัย 69 “แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์” มือชันสูตรศพคดีดัง ก็ใช้ความนิ่งสยบดราม่าได้ทุกครั้ง รวมถึงดราม่าล่าสุดที่ถูกไล่ออกจากร้านอาหารไทยในประเทศไอซ์แลนด์ และนั่งบนลาวามอส จนโด่งดังข้ามโลก เจอดราม่าขนาดนี้ทำยังไงให้ใจนิ่งไม่ตอบโต้หมอเจอเรื่องพวกนี้มาเยอะมากสำหรับความเกลียดจากคนไม่รู้จักกัน แต่เราสะสมประสบการณ์ว่าพูดแล้วเขาฟังไหม ทั้งชีวิตหมอพ่อไม่เคยฟัง คนที่เกลียดเราก็ไม่เคยหายเกลียดถ้าเราตอบโต้ มันจะหายเกลียดเมื่อได้เรียนรู้เอง จริงๆแล้วสัจธรรมพวกนี้มันอยู่ในธรรมชาติ ทำให้เราไม่คิดที่จะอธิบายทันที เพราะว่าเขาไม่ฟัง แต่ถ้าจะอธิบายก็ต่อเมื่อเขาถาม เราเรียนรู้พายุของอารมณ์มนุษย์ รู้ว่าถ้าเราเข้าไปทันทีมันเบรกไม่อยู่หรอก หมอจึงเลือกไม่ตอบโต้ใครเลย ที่สำคัญคือหมอเห็นศพมาเยอะ ถ้าเราสะท้อนกลับ เราด่าเขากลับเท่ากับเราก่อกรรมเพิ่ม หมออยากตายไปแบบไม่มีหนี้ติดค้าง อยากแค่ได้ทำความดีแล้วทำให้เราไม่ต้องกลับมาเกิดอีกจะดีไหม ไม่อยากมีบาปติดตัว หมอเริ่มฝึกทีละนิดๆ มองว่าเป็นเรื่องของกรรมแต่ละคนมากกว่า ทำไมชีวิตหมอพรทิพย์ไม่เคยปลอดดราม่าชีวิตหมอเจอเรื่องร้ายๆที่หนักมาตั้งแต่เด็ก เช่น อยู่มหาวิทยาลัยเรียนหมอปี 3-ปี 4 ถูกกล่าวหาว่าเป็นหัวหน้าคอมมิวนิสต์ เราบอกพ่อว่าไม่เคยไปไม่เคยร่วมประท้วง แต่พ่อของหมอไม่เชื่อ ทำให้หมอถูกพ่อตบหน้าและไล่ออกจากบ้าน อันนี้เป็นเรื่องร้ายแรงครั้งแรก เมื่อหมอมองย้อนกลับไปต้องขอบคุณพ่อที่ทำให้เรามีภูมิคุ้มกันตัวเอง ทำให้เราแกะได้ว่าเราจะหาวิธีออกจากความทุกข์อย่างไร อยู่ๆหมอก็เปลี่ยนมุมไปคิดว่าถ้าหมอเป็นพ่อ หมอคงเข้าใจผิด เพราะสังคมยุคนั้นมีแต่คนออกไปประท้วง อีกครั้งที่ร้ายแรงคือสมัยหมอย้ายเข้ามาทำงานที่คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ด้วยความที่หมอเปรี้ยวมาตั้งแต่สาวๆ หัวหน้าภาคไม่ค่อยชอบเรา แต่หมอไม่รู้เรื่อง ตอนนั้นหมอตั้งท้อง 6 เดือน ต้องแอดมิต เลยไม่ได้ไปงานเกษียณของหัวหน้าภาค เขามาชี้หน้าด่าหมอด้วยคำพูดรุนแรง เป็นครั้งแรกที่ถูกด่าแล้วใจเราตื่นเต้น แต่หมอไม่ตอบโต้ เพราะหมอไม่ใช่พวกจะด่ากับใคร หลังจากนั้นหมอได้เรียนรู้ว่าเราจะอยู่กับเรื่องร้ายๆยังไง ขอวิธีดับทุกข์สไตล์หมอพรทิพย์หน่อยค่ะสมการดับทุกข์ได้จากการผ่าศพ หมอได้คิดว่าเดี๋ยวเราก็ตาย หรือไม่เขาก็ตาย เราจะเก็บความเกลียดความโกรธเอาไว้ทำไม มันก็ค่อยๆจัดการความทุกข์ได้ สิ่งเหล่านี้ได้มาจากการสังเกต หมอคิดเสมอว่าไม่ว่าทำอะไรตัวเราต้องไม่อับจนต้องหาวิธีแก้ไขให้ได้ สมการของหมอได้มาจากวิชาเวชศาสตร์ชุมชน เขาสอนว่าปัญหาเรื่องวัณโรคไม่เคยหมดไปจากสังคมไทย สมการคือ ปัญหาวัณโรค=(ทุกคนควรได้วัคซีนตั้งแต่เกิด-เด็กได้รับวัคซีนไม่ครบ) Concern ของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข หมอเอาสมการนี้มาใช้ตั้งรับความทุกข์ ในสมการความทุกข์ของหมอ “ความทุกข์”=(สิ่งที่ควรเป็น-สิ่งที่เป็น) นอกวงเล็บ Concern คืออัตตา ถ้าตัวคูณเป็นศูนย์ ศูนย์คูณอะไรก็ได้ศูนย์ทำให้ไม่ทุกข์ เหมือนวันนี้ที่หมอถูกด่า รู้สึกว่าเราไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นอะไร แต่หมอเกิดมาเพื่อสร้างกรรมให้ไม่กลับมาเกิดอีกแล้ว ทำให้รู้สึกว่าใครด่าก็ไม่ได้ด่าพรทิพย์ก็ปล่อยให้เขาด่าไป ใจนิ่งแบบนี้ตั้งแต่สาวๆเลยไหมต้องบอกว่าเวลาทำงานหมอจะลุยไม่ยอมใคร อันนี้เราทำเพื่อคนอื่น แต่ถ้าเป็นเรื่องของตัวเองหมอนิ่งมาตั้งแต่เด็กแล้ว คืออย่างที่บอกได้คุณพ่อที่คอยเข้มงวด ฝึกให้เราเข้มแข็งท่านไม่เคยขอโทษลูกด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อ หมอคงไม่เข้าใจโลกขนาดนี้ การอยู่กับศพเยอะๆทำให้บรรลุอะไรบ้างศพทุกศพมีเรื่องราวที่สอนเรา หมอเห็นศพที่เสียชีวิตจากแม่ฆ่าลูก เราตั้งคำถามว่าเด็กคนนี้ทำอะไรผิด ทำให้เริ่มเข้าใจเรื่องหลักธรรมและกรรม พระพุทธเจ้าสอนเรื่องทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว แต่มันไม่ใช่คณิตศาสตร์ที่ทำชั่ววันนี้จะได้ชั่วพรุ่งนี้เลย ตรงนี้ศพสอนเราให้เป็นคนปล่อยวาง ไม่ควรยึดติดกับอะไรที่ไม่ควรยึดติด ศึกษาธรรมะจริงจังนานหรือยังถ้าเข้าวัดจริงๆแทบไม่ค่อย เพราะหมอไม่ชอบถูกบังคับ สมัยเด็กๆเขาให้ฝึกสมาธิ หมอก็ไม่ชอบ แต่สิ่งที่คุณพ่อสอนเรื่องธรรมะคือห้ามทำบาปและให้รักษาศีลห้า สไตล์หมอจะศึกษาเรื่องธรรมะด้วยตัวเอง เป็นคนไม่หนีปัญหาเข้าวัด หมอจะอยู่กับมันตรงนั้นเลย ถ้าเราสงบได้ถือว่าสำเร็จไปขั้นหนึ่ง จากนั้นค่อยไปเข้าวัดและขัดเกลาตัวเองเพิ่ม หมอจะชอบสนทนาธรรมกับพระอาจารย์ที่อุบลฯว่าสิ่งที่เราทำผิดหรือถูก เหตุการณ์ล่าสุด พระอาจารย์ให้สติคำเดียวว่า ท่านเห็นว่าหมอได้ทิ้งทุกอย่างไว้ที่ไอซ์แลนด์แล้ว หมอไม่ได้โกรธอะไรเขาจึงไม่ตอบโต้ แต่เขาเป็นคนโพสต์เอง ทุกปีหมอจะไปปฏิบัติธรรมที่อินเดีย ทำมาตั้งแต่หลังเกิดเหตุการณ์สึนามิ หมอถูกด่าและถูกกล่าวหาว่าโกง แต่เราไม่โกรธใครทั้งนั้น เพราะเราไม่ได้ทำอะไรผิด ท่านเจ้าคุณพระธรรมโพธิวงศ์ เจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา เป็นคนให้ปริศนาธรรมกับหมอว่า ผีไม่รักใครเท่าหมอแล้ว ท่านให้หมอไปอินเดียทุกปี ให้เอารูปพระพุทธเจ้าผจญมารติดตัวไว้ พร้อมให้สติว่าห้ามเลิกทำงานเพื่อประเทศชาติ ไม่ว่าโดนมารผจญยังไง และให้บูชาพระเจ้าตากกับพระนเรศวร ทั้งหมดนี้ทำให้เรารู้ว่าชีวิตที่เหลืออยู่จะต้องเดินเส้นทางธรรม อะไรคือความสุขที่ซื้อไม่ได้ด้วยเงินทองสิ่งที่สร้างความสุขให้หมอไม่ได้อยู่ที่เงินทอง แต่หมอชอบผสมเสื้อในการแต่งตัว หมอสนุกกับการแต่งตัวมาตั้งแต่สาวๆ เป็นคนขี้สงสัยจะถามตัวเองตลอดว่าความชอบแต่งตัวของเราที่เละๆดูเป็นศิลป์ๆแบบนี้มันเกิดจากอะไร ศึกษาเรื่องดวงพบว่าความชอบแต่งตัวของหมออยู่ที่ราศีธนู แต่ความแปลกมาจากลัคนาเมษ คนที่ทำให้หมอรู้ว่าทรงผมเปลี่ยนชีวิตเราได้คือ คุณสมศักดิ์ ชลาชล เขาเป็นคนออกแบบทรงผมนี้ให้หมอ เปลี่ยนจากผมฟูๆมาเป็นทรงปัจจุบัน และกัดสีใส่สีให้หมอ ทำครั้งแรกอายุ 40 กว่า คราวนี้หมอสนุกกับการทำสีผมมาก ตอนเกิดเหตุการณ์สึนามิถล่มภาคใต้ของไทย คนด่าหมอเยอะแยะ แต่เพราะสีผมและสไตล์ผมของหมอทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านมานุษยวิทยาจากอาร์เจนตินาสะดุดตาหมอ และเชิญหมอไปบรรยาย ภายหลังทราบว่าเขาเป็นบุคคลสำคัญของโลกที่พัฒนาระบบพิสูจน์ศพนิรนามในไทย หมอเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างมีที่มาที่ไป ชีวิตเริ่มต้นหลังเกษียณสนุกสนานขนาดไหนชีวิตหมอเปลี่ยนโหมดไปเลยหลังเกษียณ จากเดิมที่ทำงานสืบจากศพ ปัจจุบันหันมาสืบจากวัด สืบจากสถานที่ต่างๆ ที่ไหนที่เราประทับใจก็จะถ่ายรูปนำมาเผยแพร่ต่อ สิ่งเหล่านี้เกิดหลังเกษียณ ทำให้หมอมีเวลาว่างมากขึ้น จึงจับกลุ่มกับเพื่อนๆจัดทริปไปเที่ยวด้วยกัน หมอชอบถ่ายรูป และเพื่อนๆชอบเป็นนางแบบ มันเลยลงตัว มันสร้างความสุขให้หมออย่างบอกไม่ถูก หมอมาจริงจังกับการถ่ายรูปตอนหลังเกษียณ เวลาเราไปเที่ยวไปเจอสถานที่ดีๆ เช่น ไปเจอวัดสวยๆ ไปเจอผลิตภัณฑ์แปลกๆ หมอจะถ่ายรูปมาแนะนำเพื่อนๆในเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม เพื่อชวนให้คนไปเที่ยวไปอุดหนุนสินค้าชุมชน มันแปลกมากเลยนะ หลังเกษียณมานี่สิ่งที่ทำให้มีความสุขมากๆคือได้ถ่ายรูป หมอไม่ใช่โปรเฟสชันแนล แต่การยกกล้องขึ้นมาถ่ายผู้คน มันสอนเราเรื่องมุมมอง พอถ่ายรูปออกมาคนมันสวยวิวมันสวย เลยกลายเป็นความสุข มานึกอีกทีในวัยเด็กหมอชอบถ่ายรูปมาก ถ่ายให้เพื่อนตลอด แต่พอเข้ามหาวิทยาลัยก็ทิ้งไป จนทำงานนิติวิทยาศาสตร์ต้องพกกล้องถ่ายหลักฐานทุกอย่าง และหมอมาใช้กล้องเยอะๆตอนลงพื้นที่เกิดเหตุสึนามิ ทำให้ค้นพบว่า การถ่ายรูปช่วยทลายกำแพงกั้นระหว่างผู้คนได้ ทำให้คนเข้าใจกันง่ายขึ้น หลายคนบอกว่าหมอพรทิพย์ดูดุ แต่พอเรายกกล้องขึ้นมาถ่ายรูป ทุกคนจะชื่นชอบในตัวเรา เพราะหมอชอบถ่ายพอร์ตเทรตคน มันก็ดึงคนเข้ามาหาเราได้ กล้องเป็นเหมือนเครื่องมือในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนที่เราพบเจอ อะไรคือเป้าหมายมีไว้พุ่งชนของหมอพรทิพย์ถ้าถามจริงๆหมอเคยสงสัยตัวเองว่าเราเป็นใคร เราต้องมาทำอะไรในชาตินี้ รู้แน่ว่าชีวิตเราคงถูกลิขิตให้ต้องมาแก้ปัญหาบ้านเมือง ชาติก่อนหมออาจไปสัญญาอะไรไว้ หมอตั้งชีวิตอยู่บนความไม่ประมาท และบอกตัวเองว่าเราจะต้องผ่านทุกอุปสรรคไปให้ได้ ที่สำคัญสุดคือหมอรักพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 มาก หมอใฝ่ฝันมาตลอดว่าอยากเกิดเป็น “คุณทองแดง” แต่การที่หมอได้รับพระราชทานเครื่องราชฯเป็นคุณหญิง เมื่อปี 2546 มันเป็นยิ่งกว่าปาฏิหาริย์ ไม่ว่าชีวิตหมอจะผ่านอุปสรรคอะไรหนักหนาแค่ไหน หมอก็จะนึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน ทำให้เรามีกำลังใจสามารถผ่านพ้นเรื่องร้ายๆมาได้ สิ่งที่ตั้งใจคือหมออยากทำให้คนไทยได้รู้ว่าเราอยู่ในแผ่นดินที่มีค่าที่สุดในโลก หมออยากให้คนไทยรักและภูมิใจที่เราได้เกิดมาเป็นคนไทย ส่วนหมอจะทำหน้าที่ของหมออย่างดีที่สุดไปจนกว่าจะหมดลมหายใจ. ทีมข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่