อาการชาตามมือและเท้าที่หลายคนอาจนึกว่าเป็นเรื่องเล็กๆ อาจเป็นสัญญาณเตือนถึงความผิดปกติของระบบประสาท ที่หากปล่อยไว้อาจลุกลามกลายเป็นเรื่องใหญ่ อย่างเช่น ปลายประสาทอักเสบ หรือนำไปสู่การเกิดอัมพฤกษ์ หรืออัมพาตได้ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า อาการชาเป็นอาการผิดปกติของระบบประสาทรับความรู้สึก ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกส่วนของร่างกาย โดยเฉพาะที่นิ้ว มือ แขน เท้าหรือขา เป็นอาการที่มีความรู้สึกเจ็บ ปวด ร้อน หรือเย็นน้อยกว่าปกติหรือไม่มีความรู้สึกเลย บางคนอาจรู้สึกซ่าๆที่ปลายมือปลายเท้าหรือบริเวณอื่นหรือมีอาการเหมือนมีอะไรยุบยิบๆตามปลายมือปลายเท้า แล้วก็หายไปหรือเป็นตลอดโดยอาการชา อาจเกิดจากการนั่งหรือยืนในท่าเดิมเป็นเวลานาน ทำให้เลือดไปเลี้ยงร่างกายไม่ทั่วถึง หรืออาจมีสาเหตุจากโรคบางโรค เช่น โรคหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท งูสวัด เบาหวาน ไมเกรน ลมชัก หลอดเลือดสมอง ฯลฯ แต่ที่พบได้บ่อยมักเกิดจากโรคปลายประสาทอักเสบ ที่ทำให้เกิดอาการชา อ่อนแรง ส่วนใหญ่จะเป็นที่บริเวณแขนและขา ปลายมือ ปลายเท้า เพราะมีเส้นประสาทจำนวนมาก มักพบมากในผู้สูงอายุ แต่คนอายุน้อยก็พบได้เช่นกัน สาเหตุมาจากการติดเชื้อเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งหากดูในกล้องจุลทรรศน์จะมีเซลล์เม็ดเลือดขาวจำนวนมาก แสดงว่ามีปฏิกิริยาต่อการอักเสบ สำหรับผู้ป่วยโรคปลายประสาทอักเสบ แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ 1.เกิดจากการอักเสบจริงๆ ที่ระบบประสาทส่วนปลายอาจมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อที่ระบบทางเดินหายใจ หรือพบในกลุ่มที่ภูมิคุ้มกันผิดปกติ ทำให้มีอาการอ่อนแรง ชา แต่สามารถไปไหนมาไหนได้ ทำงานได้ แต่หากเป็น รุนแรงบริเวณกล้ามเนื้อสำคัญๆ เช่น กล้ามเนื้อเกี่ยวกับการหายใจ อาจต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ ซึ่งเป็นการอักเสบจากปฏิกิริยาภูมิแพ้ตัวเองของร่างกาย ต้องใช้เวลาระยะหนึ่งจึงจะสามารถฟื้นได้ โดยการให้ยาบางชนิดเป็นยากลุ่มที่เป็นเซรั่มแก้อาการแพ้เข้าไปช่วย ซึ่งค่อนข้างมีราคาแพง หรือหากติดเชื้อรุนแรงบริเวณกล้ามเนื้อสำคัญบริเวณแขน ขา อาจมีอาการอ่อนแรง บางรายอาจต้องทำกายภาพ บำบัด 2.กลุ่มที่ขาดวิตามิน หรือสารบางชนิด เช่น การขาดวิตามิน B ซึ่งมีความจำเป็นต่อเส้นประสาทที่มีสภาพสมบูรณ์ หากรู้สึกเหน็บชาหรือมีอาการปวดเสียวบริเวณมือหรือเท้า นั่นอาจแสดงว่าเส้นประสาทได้รับการบำรุงไม่เพียงพอ การบรรเทาอาการอาจเริ่มจากการรับประทานอาหารที่ให้มีปริมาณวิตามิน B ที่เพียงพอ โดยเฉพาะวิตามิน B1 B6 และ B12 ที่เป็นวิตามินที่มีส่วนสำคัญต่อการบำรุงรักษาเส้นประสาท และ 3.เกิดจากพิษต่างๆ เช่น ตะกั่ว โลหะหนัก ซึ่งพิษเหล่านี้จะทำให้ระบบประสาทส่วนปลายเสียไป มักจะเป็นที่ปลายมือปลายเท้า นอกจากนี้ ยังมีอีกกลุ่มหนึ่งที่คล้ายจะเป็นที่ระบบประสาทส่วนปลาย แต่เป็นความผิดปกติที่ระบบประสาทส่วนกลาง คือ ความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับไขสันหลัง เช่น มีเนื้องอกกดทับเส้นประสาท หมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาทบริเวณบั้นเอว ซึ่งพบได้บ่อย จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการชา อ่อนแรง และมีอาการปวด เสียการทรงตัวเนื่องจากขาอ่อนแรง รวมทั้งกรณีที่เป็นโรคเบาหวาน สามารถทำให้เกิดปลายประสาทอักเสบได้เช่นกัน ในรายที่มีอาการชารุนแรง อาจเกิดจาก ภาวะรากประสาทถูกกดทับ จากกระดูกต้นคอเสื่อมหรือหมอนรองกระดูกเคลื่อน หรือ โรคทางพันธุกรรม ที่ทำให้เส้นประสาทหรือปลอกประสาทส่วนปลายเสื่อม เช่น Charcot Marie Tooth Syndrome โดยผู้ป่วยมักมีประวัติคนในครอบครัวมีอาการเกี่ยวกับปลายประสาท มักมีอาการผิดรูปของเท้าหรือมือร่วมด้วย การได้รับยาหรือสารบางอย่าง ที่ทำให้เส้นประสาทอักเสบ เช่น ยาฆ่าเชื้อบางชนิด โรคภูมิคุ้มกันแปรปรวน ชนิดเฉียบพลันและชนิดเรื้อรัง การ อุดตันของหลอดเลือดแดง ทำให้การไหลเวียนเลือดแดงเพื่อนำเลือดดีมาเลี้ยงกล้ามเนื้อและเส้นประสาทส่วนปลายลดลง นอกจากอาการชาบริเวณแขนขาแล้ว ยังมีอาการซีดลงอีกด้วยเนื่องจากการไหลเวียนของเลือดแดงลดลง อุณหภูมิจึงลดลง ปวด และคลำชีพจรไม่ได้ รวมทั้ง การอุดตันของหลอดเลือดดำ ทำให้การนำกลับของเลือดและของเสียลำเลียงออกไม่ได้ มีความดันในแขน ขา สูงขึ้น และรบกวนการนำเข้าของเลือดแดงมาเลี้ยง ซึ่งส่งผลต่อเลือดที่มาเลี้ยงเส้นประสาทในที่สุด โดยมักมีอาการแขน ขา บวม สีคล้ำ ชา ปวด อ่อนแรงได้ การรักษาอาการชาจากปลายประสาทอักเสบ นอกจากการเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การเลิกสูบบุหรี่ การลดการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และออกกำลังกายสม่ำเสมอ หรือแม้แต่การปรับเปลี่ยนง่ายๆ เช่น การสวมรองเท้าที่สบายและเหมาะสม หลีกเลี่ยงการนั่งเป็นเวลานาน และการแก้ไขท่าทางในชีวิตประจำวันก็ช่วยป้องกันการทำลายของ ประสาทได้ หากมีโรคประจำตัวเป็น เบาหวานการควบคุมน้ำตาลในเลือดเป็นสิ่งสำคัญแต่หากมีอาการรุนแรง การรักษาอาการชา ส่วนใหญ่แพทย์จะเน้นการรักษาตามสาเหตุของอาการชา ซึ่งมีหลายวิธี ทั้งการใช้ยา การรักษาอาการชาด้วยไฟฟ้า (Peripheral Magnetic Stimulation) การกายภาพ บำบัด ฟื้นฟูในกรณีที่มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือสูญเสียการทรงตัวร่วมด้วย.