ข่าวใหญ่ฮือฮาเป็นที่โจษขานกันทั้งกรุงเทพ มหานครเมื่อช่วงบ่ายๆวันพฤหัสบดีที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา คงต้องยกให้ข่าวท่านผู้ว่าฯชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ไลฟ์สดเชิญชวนประชาชนไปชมและฟังดนตรีใน “สุสาน” หรือ “ป่าช้า” วัดดอน ในเย็นวันอาทิตย์ที่ 26 มิ.ย. หรือเย็นๆวันนี้นั่นเองข้อความในไลฟ์สดของท่านระบุไว้ตอนหนึ่งว่า “ที่สมาคมแต้จิ๋วไม่ธรรมดา เพราะความจริงสมาคมแต่จิ๋ว คือ ป่าช้าวัดดอน ซึ่งจะมีคนที่นอนอยู่ใต้ดินที่มาร่วมฟังกับเราอีกเป็นพันเป็นหมื่น ถือว่าท่านเป็นผู้อาวุโสมาก่อน เราให้ความเคารพ แต่เป็นสถานที่ไม่น่าเชื่อ...อะเมซิ่ง”“ใครไม่เคยไปก็จะได้บรรยากาศ เค้าเรียกว่า เป็นหลุมตายาย คนที่ไม่มีญาติเป็นหมื่นๆศพ มีการล้างป่าช้า (ไปแล้ว) เป็นที่สวยงามอยู่กลางเมือง ไปรถไฟฟ้าก็สะดวกมาก”แน่นอนสำหรับชาวกรุงและอาจเป็นคนไทยทั้งประเทศด้วยซ้ำ ย่อมเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับ “ป่าช้าวัดดอน” หรือ “สุสานวัดดอน” มาเป็นเวลายาวนานมาก...รู้ว่าเป็นสุสานสำหรับฝังศพชาวจีน ทั้งที่มีญาติดูแลและไร้ญาติดูแลหลายพันหลายหมื่นศพ ภายใต้ “ฮวงซุ้ย” ทั้งขนาดเล็กสำหรับผู้เสียชีวิตเดียวและขนาดใหญ่ สำหรับการ “ฝังหมู่” ผู้เสียชีวิตที่ไร้ญาติขาดมิตรรอบๆสุสานแห่งนี้หัวหน้าทีมซอกแซกได้ยินชื่อ “ป่าช้าวัดดอน” ตั้งแต่ยังอยู่ต่างจังหวัด จากหัสนิยาย พล นิกร กิมหงวน ซึ่งจะอยู่ในบทสนทนาของ “สามเกลอ” หลายๆครั้ง ว่าสุสานวัดดอนน่ากลัวมาก และร่ำลือกันด้วยว่าผีดุมากเมื่อเข้ามาเรียนหนังสือใน กทม.ปี 2501 จำได้ว่าเคยนั่งรถผ่านอยู่บ้าง เห็นแต่สุสานหรือฮวงซุ้ยเรียงรายเป็นตับ ประกอบกับมีต้นไม้ขึ้นรกครึ้ม ทำให้ดูน่ากลัวแม้ในเวลากลางวันดังนั้น ในเวลาพลบค่ำ หรือในยามกลางคืนจึงมีเรื่องเล่าว่า แม้แต่แท็กซี่ยังไม่ยอมขับผ่าน และหากใครจะว่าจ้างไปยังเส้นทางที่ต้องผ่านวัดดอน หรือจอดใกล้ๆวัดดอนยามดึกแท็กซี่จะปฏิเสธทันทีทันควันต่อมาญาติสูงอายุท่านหนึ่งซึ่งเป็นจีนไหหลำเล่าให้ฟังว่า พี่ชายของสามีเสียชีวิตและลูกๆนำมาฝังรวมไว้ในฮวงซุ้ยหมู่ ถึงเทศกาลเช็งเม้งญาติจะมารวมตัวกันไหว้ศพที่วัดดอนเป็นประจำ ทำให้ทราบว่าส่วนหนึ่งของสุสานอยู่ในความดูแลของสมาคมไหหลำด้วยและส่วนอื่นๆอยู่ในความดูแลของสมาคมแต้จิ๋วแห่งประเทศไทย และมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดยเฉพาะสมาคมแต้จิ๋วฯ น่าจะรับผิดชอบมากที่สุดเมื่อกาลเวลาผ่านไปบริเวณใกล้ๆวัดดอนซึ่งขึ้นอยู่กับเขตสาทรได้รับการพัฒนามากขึ้น มีตึกสูงๆขึ้นมากมาย จึงมีการเข้ามาพัฒนาหลุมฝังศพต่างๆให้ดูสะอาดตา และเป็นระเบียบเรียบร้อยมากขึ้น โดยทั้ง 3 สมาคมดังกล่าวทีมงานซอกแซกเพิ่งแวะไปสำรวจตรวจสอบเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาหลังจากทราบข่าวว่า ที่นี่จะเป็นสถานที่จัดดนตรีในสวนในวันอาทิตย์ที่ 26 มิ.ย. พบว่ามีเจ้าหน้าที่จากเขตสาทรจำนวนหนึ่งมากวาดพื้นที่ทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วบริเวณแสดงดนตรีอยู่ใกล้ๆกับลานรูปปั้นหลวงปู่ ไท้ฮงกง ที่ชาวมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งให้ความเคารพนับถือ ซึ่งเป็นพื้นที่ไม่กว้างเท่าไรนัก จุคน ได้สัก 2 พันคนเป็นอย่างมากเจ้าหน้าที่ประจำสวนสาธารณะของเขตสาทรที่มาสร้างบนพื้นที่สุสานอีกชั้นหนึ่งเล่าว่า ดนตรีที่จะมาแสดงน่าจะเป็นวงเล็กๆ และมาแสดงบนพื้นดิน หรือยกระดับเล็กน้อย เพราะไม่ได้รับคำสั่งให้จัดสร้างเวทีแต่อย่างใดเขาเล่าด้วยว่าการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของสุสานนี้น่าจะเกิดขึ้นประมาณ พ.ศ.2539-2540 เมื่อเขตสาทรเข้ามาพัฒนาพื้นที่บางส่วน ให้มีลักษณะเป็นสวนสาธารณะเคียงข้างไปกับหลุมฝังศพต่างๆ ที่มีการบูรณะตกแต่งขึ้น โดยได้รับ ความร่วมมืออย่างดียิ่งจากจาก ชมรมนักวิ่งเพื่อสุขภาพ ของสมาคมแต้จิ๋วทำให้สุสานวัดดอนกลายเป็นสถานที่วิ่งและออกกำลังกาย โดยมี “ฮวงซุ้ย” ประดับอยู่รอบๆให้บรรยากาศไปอีกแบบหนึ่งเขาชี้ให้ดูโรงเรือนโปร่งๆที่สร้างด้วยโครงเหล็ก มีหลังคาคุ้มฝนอย่างมั่นคงหลังหนึ่ง ซึ่งอยู่ในบริเวณใกล้ๆ ทำให้มองเห็น “กระสอบทราย”... ของนักมวย, ลูกเหล็กยกน้ำหนัก, ตลอดจนบาร์เดี่ยว บาร์คู่ สำหรับยืดตัวออกกำลังกายเต็มไปหมด...เช่นเดียวกับสวนสาธารณะทุกแห่งที่จะมีโรงเรือน ในร่มเสริมการวิ่งรอบๆสวนอยู่ด้วยด้านหลังโรงเรือนดังกล่าว ห่างออกไปไม่ถึง 5 เมตร มี “ฮวงซุ้ย” ที่ตกแต่งสะอาดสะอ้าน เรียงรายอีกไม่ต่ำกว่า 100 ฮวงซุ้ยเห็นจะได้พนักงานดูแลสวนขยายความว่า พื้นที่ทั้งหมดประมาณ 80 ไร่ของบริเวณนี้กว่า 80 เปอร์เซ็นต์จะใช้เป็นสุสานฝังศพตามประเพณีจีน และอีก 20 เปอร์เซ็นต์จะแบ่งปันมาเป็นถนนสำหรับวิ่งหรือเดินออกกำลังกาย รวมถึงโรงเรือนเพื่อออกกำลังกายที่อยู่ข้างหน้า และยังมีสนามบาสเกตบอลอีก 2 สนาม สนามตะกร้อ 1 สนาม สนามแบดมินตัน 1 สนาม สนามเด็กเล่น 2 สนาม ฯลฯ รวมทั้งมีลานแอโรบิกด้วยถามเขาว่า เขาดูแลที่นี่มานานหรือยัง? เขาตอบว่ากว่า 20 ปีแล้ว ถามต่อว่า เคยเจออะไรหวาดเสียวแบบชวนให้ขนลุกบ้างไหม? เขาตอบว่า ไม่เคยเลยสาบานได้...และถามว่า ทำไมผู้ว่าฯ ชัชชาติ รู้จักที่นี่และเลือกเป็นหนึ่งในการแสดงดนตรีในสวน?เขาตอบว่า...“ท่านมาวิ่งที่นี่บ่อยมาก ผมเคยเจอตอนตี 5 เมื่อปีก่อนโน้น”มิน่าล่ะ ท่านชัชชาติถึงได้คุ้นเคยและมองเห็นความ “อะเมซิ่ง” ของที่นี่ ที่หัวหน้าทีมซอกแซกก็รู้สึกอะเมซิ่งอย่างมาก ในวันที่ออกไปสำรวจด้วยตนเองเย็นนี้ระหว่างมีดนตรีแสดงอยู่ดูไลฟ์สดที่บ้านดีกว่า เพราะคนคงแน่นมากวันหลังมีเวลาว่างจะไปวิ่งไปเดิน ไปออกกำลังก็เชิญนะครับ...เขาเปิดตั้งแต่ตี 4 ถึง 2 ทุ่ม ของแต่ละวัน ...ไปค่ำๆก็ได้ ผู้อาวุโสที่หลับพักผ่อนอยู่ข้างล่าง ล้วนญาติผู้ใหญ่ของเราทั้งนั้นแหละครับ...ไม่ทำอะไรเราหรอก มีแต่จะให้ศีลให้พร (แฮ่ม! เผลอๆอาจให้เลขเด็ด) เราด้วยซ้ำไป.“ซูม”