หลังปูพรมฉีดวัคซีนโควิด-19 กันถ้วนทั่ว โดยเมืองใหญ่ๆทั่วทุกมุมโลกต่างก็เริ่มผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์กันแล้ว และกลับมาใช้ชีวิตปกติแทบจะเต็มรูปแบบอีกครั้ง ทั้งร้านอาหาร, โรงยิม, ฟิตเนส, สนามกีฬา, พิพิธภัณฑ์ และโรงละคร ล้วนคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่ออกมาทำกิจกรรมกันคึกคักหนาตา โดยเฉพาะถนนช็อปปิ้งใหญ่ๆของโลก เกิดปรากฏการณ์ใหม่ “ช็อปปิ้งล้างแค้นหลังโควิด” ให้เห็นอย่างมีนัย เมื่อจู่ๆ ผู้บริโภคพร้อมใจกันออกมาจับจ่ายซื้อสินค้าอย่างกระตือรือร้น เพื่อระบายความอัดอั้น หลังต้องเก็บเนื้อเก็บตัวอยู่บ้านมาทั้งปี และจิตตกเพราะกลัวติดโควิด-19 จนไม่เป็นอันทำมาหากิน งานนี้ “กลุ่มลักชัวรีแบรนด์เนม” เป็นหนึ่งในภาคธุรกิจที่ได้รับอานิสงส์จาก “พฤติกรรมกระหายช็อปปิ้งอยากใช้เงินระบายความอัดอั้น” ขาช็อปทั้งหลายต่างโหยหาอยากจะเสพบรรยากาศเดิมๆ จิบแชมเปญไปช็อปปิ้งไป เพื่อชดเชยกับช่วงเวลาที่ขาดหายไป เห็นตัวอย่างได้ชัดจากประเทศจีนตอนกลับมาเปิดเมืองใหม่ๆก่อนใคร ทั้งหลุยส์ วิตตอง, ชาเนล, แอร์เมส, ปราด้า, กุชชี่ และ ดิออร์ ต่างก็มียอดขายพุ่งพรวดขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะคนที่มีกำลังซื้อมหาศาลกรูกันออกมาช็อปปิ้งเพื่อแก้แค้นโควิด ไม่เฉพาะในจีนที่เกิดปรากฏการณ์นี้ แต่กระแส “ช็อปปิ้งล้างแค้น” ยังแพร่ระบาดไปทั่วยุโรปและอเมริกาด้วย ล่าสุด มีสาวกแบรนด์ชาเนลมากกว่า 200 คน แห่ต่อคิวยาวเหยียดหน้าบูติก ชาเนล สาขาวอลตัน สตรีท ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เพื่อแย่งกันจับจองสินค้าคอลเลกชันใหม่ลอตแรก หลังอัดอั้นจากมาตรการล็อกดาวน์มานาน จุดประกายความหวังว่าเศรษฐกิจโลกอาจฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ ฟอร์บส์วิเคราะห์ว่า ยิ่งคนต้องออกไปทำงานมากเท่าไหร่ ต้องมีกิจกรรมสังสรรค์พบปะผู้คนมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งใช้จ่ายเยอะขึ้นเท่านั้นไปกับการช็อปปิ้งสินค้าแฟชั่น โดยสมาคมค้าปลีกใหญ่ที่สุดในโลก “เนชั่นแนล รีเทล เฟเดอเรชั่น” ทำนายว่า ยอดขายภาคธุรกิจค้าปลีกจะกลับมาเติบโต 6.5-8.2% ในปี 2021 ซึ่งถือว่าเติบโตเร็วที่สุดนับตั้งแต่ปี 2004 หลังอ่วมหนักจากยอดขายที่ตกฮวบในปี 2020 เพราะพิษร้ายของโควิด-19 พิสูจน์แล้วพิสูจน์อีกว่า “ช็อปปิ้งล้างแค้น” ช่วยฟื้นเศรษฐกิจได้จริง!! กระแสบวกมาเต็มจากประเทศจีน และส่งไม้ต่อไปยังอเมริกาทันทีที่เปิดเมืองเต็มรูปแบบ โดยเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ยอดขายของห้างสรรพสินค้าในอเมริกาพุ่งขึ้น 21% บ่งบอกถึงความมั่นใจของผู้บริโภคที่เพิ่มสูงปรี๊ด เศรษฐกิจฟื้นเร็วเกินจนแอบหวั่นว่าเงินเฟ้อจะพุ่งด้วยซ้ำ อย่างไรก็ดี ฟอร์บส์เตือนว่า กระแส “ช็อปปิ้งล้างแค้น” อาจเป็นแค่ปรากฏการณ์ชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น และเอาจริงๆแล้วทั่วทั้งโลกยังมีคนอีกหลายล้านชีวิตที่ต้องตกงาน ขณะที่ธุรกิจอีกเป็นเบือต้องเจ๊งเพราะทนพิษบาดแผลจากโควิด-19 ไม่ไหว...ถึงเวลาน้ำขึ้นต้องรีบตักก็จริง แต่อย่าเพิ่งดี๊ด๊าเกินไป เพราะสงครามนี้อาจยืดเยื้ออีกยาวไกล!!