แม้ว่าช่วงต้นเดือนกรกฎาคม 2563 ในไทยไม่มีรายงานการติดเชื้อโคโรนาไวรัส 2019 หรือเป็น “0” กว่า 40 วันติดต่อกัน และรัฐบาลได้ผ่อนคลายมาตรการมาถึงระยะที่ 5 อนุญาตให้เปิดกิจการและกิจกรรมต่างๆ ที่มีความเสี่ยงสูง รวมไปถึงการเปิดเทอมให้เด็กๆไปโรงเรียนทว่าเราไม่ควรประมาท ไปไหนมาไหนควรสวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง และล้างมือบ่อยๆเรื่องอาหารการกินก็เช่นกัน ต้อง กินร้อน ช้อนกลางส่วนตัว และหากจะซื้อหาอาหารจากรถเข็น แผงลอย ร้านค้าริมบาทวิถี ควรเลือกร้านค้าที่มีการรักษาสุขอนามัยที่ดี ด้วยการสังเกตผู้ขายและผู้ช่วยขายปฏิบัติตามวิธีดังต่อไปนี้แต่งกายสะอาด ใส่ผ้ากันเปื้อน สวมหมวกหรือตาข่ายคลุมผม สวมหน้ากากตลอดเวลาที่ขายอาหารมีสุขวิทยาส่วนบุคคลที่ดี เช่น ล้างมือบ่อยๆก่อนและหลังสัมผัสอาหาร หลังเข้าส้วม หลังจับสิ่งสกปรก และจับเงิน, ไม่สัมผัส หน้า ตา จมูก และปากถ้าไม่จำเป็น และไม่ไอจามรดผู้อื่นใช้อุปกรณ์ในการหยิบจับอาหารปรุงสุก ไม่ใช้มือหยิบจับอาหารโดยตรง และทำความสะอาดอุปกรณ์ เช่น ที่คีบ มีด เขียง ทุกครั้งหลังใช้งานอาหารปรุงสำเร็จที่วางรอขาย มีการปกปิดเพื่อป้องกันฝุ่นละออง แมลงสัตว์นำโรค และวางสูงจากพื้นอย่างน้อย 60 เซนติเมตร ไม่วางรอเกิน 4 ชม. และอุ่นอาหารทุกๆ 2 ชม.กำหนดจุดให้ลูกค้าเข้าใช้บริการ มีระยะห่างระหว่างบุคคลอย่างน้อย 1-2 เมตรรถเข็น แผงลอยที่ใช้ขายอาหารมีสภาพดี แข็งแรง มีโครงสร้างที่สามารถปกปิดหรือคลุมอาหารระหว่างการขายขณะขายอาหารต้องไม่มีอาการป่วย เช่น มีไข้ ไอ จาม มีนํ้ามูก หรือเหนื่อยหอบเพิ่มช่องทางการรับชำระเงินแบบ E-Payment เพื่อลดการสัมผัสหากสังเกตแล้วพบว่าร้านไหนผู้ขายและผู้ช่วยขายปฏิบัติตามวิธีปฏิบัติข้างต้น มั่นใจได้เลยว่าร้านนั้นการ์ดไม่ตก สามารถซื้ออาหารมาทานได้อย่างสบายใจและปลอดภัยจากโรคโควิด-19สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์วิจัยและประเมินความเสี่ยงด้านอาหารปลอดภัย สถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม โทร. 0-2422-8688 หรือ http://www.nfi.or.th/foodsafety/ ไทยรัฐ+สถาบันอาหารโครงการอาหารปลอดภัย