หลังรับตำแหน่งประธานนายกสมาคมฟินเทคประเทศไทย หญิงเก่ง ทิพยสุดา ถาวรามร ก็จัดทริปไปเอสโตเนีย ต้นแบบ e-government และสวีเดน ต้นแบบสังคมไร้เงินสด (cashless society) โดยมี กรณ์ จาติกวณิช ผู้ก่อตั้งสมาคมและประธานคนแรก และผู้ร่วมดูงานหลายองค์กร เช่น สนง.พัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ. -ETDA) กสทช. วิทยาลัยนวัตกรรม ม. ธรรมศาสตร์โดย คุณแก้ว-ทิพยสุดา พาชมการพัฒนา การบริหารจัดการทุกมิติ ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำกว่าทุกประเทศในโลกที่ Tallinn เมือง หลวง Estonia เพราะตอนได้รับอิสรภาพจากสหภาพโซเวียต เมื่อเกือบ 30 ปีที่แล้ว เอสโตเนีย ต้องเริ่มสร้างประเทศจากเกือบศูนย์ ซึ่งเจอเงินเฟ้อในช่วงแรกๆ สูงถึง 200% (ต่อวัน!) และงบรัฐบาลที่มีแค่ 6,000 ล้าน--ด้วยทรัพยากรที่จำกัด จึงตัดสินใจว่าต้องสร้างระบบรัฐด้วยเทคโนโลยี เอสโตเนียจึงใช้ blockchain ก่อนที่จะมีการเรียกว่า blockchain และเป็นประเทศเดียวในโลก ที่มีการเลือกตั้งด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพราะระบบ e-identification เสถียรมาก และการใช้เทคโนโลยีมีผลมากในการพัฒนา เพราะแต่ละหน่วยงานมีระบบเก็บ data ไม่ใช้ central data base แต่สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลและทำงานร่วมกันอย่างไม่ซ้ำซ้อน เพราะข้อมูลแต่ละชนิดจัดเก็บโดยหน่วยงานเดียว ประชาชนเอสโตเนียนจึงได้ประโยชน์จากระบบ e-government อย่างเช่น ทันทีที่มีเด็กเกิดใหม่ รัฐจะแจ้งให้พ่อแม่ทราบได้เลยว่า มีสิทธิรับการช่วยเหลืออย่างไรบ้าง รวมถึงรัฐจะแจ้งว่ามีศูนย์เลี้ยงเด็กเล็กและอนุบาลใกล้บ้านให้เลือก และทางโรงเรียนจะได้รับแจ้งว่าจะมีเด็กจะมาเพิ่มเมื่อไร กี่คน เพื่อให้เตรียมพร้อมจากนั้น คุณแก้ว ก็พาลงเรือไปสวีเดน ศูนย์รวมฟินเทคที่สำคัญ พบภาคธุรกิจด้านฟินเทค FINDEC ดู startup ที่น่าสนใจเกือบ 10 แห่ง และเซ็น MOU กับ FINDEC และมี panel discussion เกี่ยวกับการเข้าสู่สังคมไร้เงินสด (cashless society) เพราะที่นี่แทบไม่รับเงินสด ใช้บัตรเครดิต บัตรเดบิต ซึ่งตั้งเป้าจะ cashless สมบูรณ์ปี 2023--ซึ่งทำให้ไม่มีการปล้นแบงก์ โจรกรรมที่นี่จึงมีแต่ปล้นข้าวของเครื่องใช้0 0 0 0 0ตั้งใจจะไป EBC ก่อนจะอายุ 60 ศักดิ์ณรงค์ แสงสง่าพงศ์ จึงไปซ้อมๆที่ ABC (Annapurna Base Camp) เมื่อปีที่แล้ว พอผ่านมาได้ ปีนี้เลยมั่นใจว่าลุยได้ คุณกบ-ศักดิ์ณรงค์ จึงชวนเพื่อนทุกคนที่ไป ABC ไปกัน แต่ทุกคนหนี เหลือ 2 คนที่ยอมไป แต่ได้อีก 2 คนที่เจอระหว่างทริป ABC เมื่อปีที่แล้ว รวมมีกัน 5 คน ซึ่งไปพบประสบการณ์วิบาก เพราะ Design ทริปโหดพอควร เพราะต้องเดินเกือบ 20 วัน เริ่มจากขาไป ไปลง Kathmandu ต่อไปสนามบิน Lukla ซึ่งเป็นฐานของพวกขึ้น Everest ทั้งหมด ซึ่งตอนนี้ต้องนั่งรถอีก 4 ชม.เพื่อไปขึ้นเครื่องที่สนามบิน จึงต้องออกตั้งแต่ตี 2 ไปรอเครื่อง ซึ่งไม่รู้ว่าจะได้ไปไหม เพราะฝรั่งซึ่งเมื่อวานอดไป มารอคิวก่อน โชคดีรอแค่ 4 ชม.ก็ได้ขึ้น ไปถึงตี 5 ได้เริ่มเดินตอนสิบโมงเช้า แต่เดินได้ 6 วัน เพื่อนในทีมก็เป็น AMS ที่ความสูง 3,900 เมตร ต้องส่งขึ้น ฮ.กลับไป รพ.คุณกบ จึงเหลือกัน 3 คน เดินไปท่ามกลางความเหนื่อยและหนาวและสูง จนถึง EBC ที่ 5,400 เมตร แต่ยังซ่าไม่พอ ชวนกันเดินไปที่ Gokyo Lake และไม่เดินทางธรรมดา แต่ไปตัดข้ามสันเขา Chola Pass สูง 5,400 เมตร ข้ามเขาหิน 2 ลูก ทางเดินเป็นน้ำแข็งและหิมะ เดินไป 7 ชม. และเดินลงอีก 4 วัน ถึงลุคลา เพื่อนั่งเครื่องไป Kathmandu กลับไทยอย่างสะบักสะบอม พร้อมความมั่นใจว่าชาตินี้ไม่ไปอีกแล้ว.โสมชบา