ได้ค้นพบ “ศิลปะเป็นสิ่งสวยงาม และยังช่วยให้เข้าใจสิ่งรอบตัว”ด้วยความรักในงานศิลปะ และทั้งชีวิตอยู่ในวงการนี้มาตลอด ทำให้ ภรณ มี้ด หนุ่มลูกครึ่งไทย-อังกฤษ ได้ใช้ความรู้ความสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนทั่วไปได้เห็นถึงศักยภาพของตัวเองผ่านงานศิลปะ พร้อมกับเสริมสร้าง ทัศนคติการใช้ชีวิตในเชิงบวกภรณ หนุ่ม 2 สัญชาติ (ไทย-อังกฤษ) ทายาทคนเดียวของ ริชาร์ด มี้ด กับ ดร.กุลลดา เกษบุญชู มี้ด นักวิชาการอิสระ อดีตอาจารย์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ เล่าถึงเส้นทางชีวิตที่ขีดเองว่า ตนโตและเกิดเมืองไทย เรียนชั้นประถมที่ ร.ร.สาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จบ ป. 5 จึงได้ไปเรียนโรงเรียนประจำที่อังกฤษ จากนั้นได้เข้าเรียนด้านวิจิตรศิลป์และการออกแบบ ที่ Central Saint Martins สถาบันที่มีชื่อเสียงด้านศิลปะแห่งหนึ่งของโลก อยู่ที่อังกฤษ พอเรียนจบก็ได้ทำงานในวงการศิลปะของลอนดอนอยู่ 3 ปี เป็นผู้จัดฉากละครเวที โรงละครโอเปร่าและบัลเล่ต์ เป็นผู้ช่วยศิลปินจัดนิทรรศการ จากประสบการณ์ทั้งการเรียนและการทำงาน ทำให้ตนรู้สึกว่า ศิลปะเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราเปลี่ยนแปลงชีวิต เปลี่ยนโลกได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เลยเอาความคิดและความหวังนี้กลับมาเมืองไทย เพราะอยากเอาความรู้มาก่อประโยชน์แก่บ้านเกิดด้วยความที่จากเมืองไทยไปนาน ภาษาพูดจึงไม่แตกฉาน และอาจจะมีความเข้าใจในสังคมไทยน้อยไป พอกลับมา จึงขอที่บ้านบวชเรียนเป็นพระภิกษุสงฆ์ โดยไปจำวัดที่ต่างจังหวัด อยู่ 1 พรรษา พอสึกออกมาได้เข้าไปสัมผัสและเรียนรู้งานที่ภัทราวดี เซ็นเตอร์ และเป็นครูสอนศิลปะนักเรียนชั้นมัธยม ปลาย ของโรงเรียน นานาชาติฮาร์โรว์ ซึ่งตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่ จนกระทั่งปี 2557 ตนได้ตั้งโรงเรียนสอนศิลปะของตัวเองในชื่อ “PARON School of Art” ที่สุขุมวิท 26 (www.ParonSchoolofArt.com)“การตั้งโรงเรียนสอนศิลปะนี้ เป็นการตอบโจทย์ชีวิตและความตั้งใจของผมเช่นกัน เพราะผมอยากให้เด็กๆทุกคนรู้ความสามารถของตนเอง รู้จักตัวเองผ่านงานศิลปะ ซึ่งมีหลากหลาย ผมจึงออกแบบโครงการสอน เริ่มตั้งแต่เด็ก ซึ่งอายุน้อยสุดที่มาเรียนคือ 4 ขวบ มากสุดคืออายุ 80 กว่าปี อย่างเด็กๆเราจะให้เขาสำรวจตัวเอง ซึ่งไม่มีถูกไม่มีผิดให้เขารู้สึกเป็นตัวของตัวเอง ให้เขาดึงเอาความเป็นศิลปินของเขาออกมา เช่นเดียวกับผู้สูงอายุที่มาเรียน เขามีความรู้สึกว่าเขามีความสามารถด้านศิลปะ แต่ทั้งชีวิตไม่เคยได้ทำงานหรือเรียนมาด้านนี้ จึงอยากมาเรียนรู้ตัวเอง จากการเรียนศิลปะนี้ ทำให้น้องๆหลายคน เปลี่ยนตัวเอง เปลี่ยนความคิด และเรียนหนังสือต่อในมหาวิทยาลัย คือเขาค้นหาตัวเองเจอ ซึ่งภูมิใจนะที่สามารถเปลี่ยนชีวิตไปในทางที่ดี และเวลาที่ได้เห็นสีหน้า แววตาที่มีความสุขของน้องๆ ที่พรีเซนต์งานของเขา แล้วเราเข้าใจในสิ่งที่เขาพยายามสื่อผ่านงานศิลปะนั้น ผมเองก็มีความ สุขไปด้วย”ชีวิตที่เลือกแล้ว ในความเป็น “ครู” สอนศิลปะ ภรณ บอกว่า “ผมมีความสุขนะ โชคดีมากที่เจอสิ่งที่ลงตัวสำหรับตัวผมเอง ผมคงทำงานนี้ไปเรื่อยๆ ศิลปะเป็นสิ่งที่สวยงาม และยังเป็นเครื่องมือที่เราสามารถเข้าใจสิ่งรอบตัว สามารถดึงสิ่งสวยงามเข้าหาตัวเอง และหลีกเลี่ยงสิ่งที่ไม่ดี”...มีต้น แบบที่มีความคิดดีแบบนี้ เชื่อว่าคงหล่อหลอมต้นกล้าที่กำลังเติบใหญ่ให้งดงามเช่นกัน.