เป็นหนึ่งในตองอูเรื่องการทำธุรกิจให้เปรี้ยงปร้าง และผ่านหลักสูตรการเรียนระดับสูงซุปเปอร์คอนเนกชั่นมานับไม่ถ้วน แต่บอสใหญ่ผู้ก่อตั้งกลุ่ม M Wrap “เอนก จงเสถียร” กลับเพิ่งบรรลุถึงสัจธรรมหลังวัยเกษียณ เมื่อได้มาคลุกคลีใกล้ชิดกับคุณหมอและบุคลากรทางการแพทย์จากทั่วทุกถิ่นของเมืองไทย ในหลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลทางการแพทย์ สำหรับผู้บริหารระดับสูง รุ่นที่ 5 (ปธพ.5) ทำให้ตระหนักว่า วงการแพทย์ไทยยังต้องการความช่วยเหลืออีกมาก โดยเฉพาะโรงพยาบาลเล็กๆของรัฐในถิ่นทุรกันดารห่างไกลความเจริญ ล้วนแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ “ถ้าพูดถึงปัจจัย 4 ของคนไทย “อาหาร” เรามีมากมาย “ที่อยู่อาศัย” เราก็ไม่มีปัญหา มีที่นอนได้มากมาย “เครื่องนุ่งห่ม” ปัจจุบันเรามีกันเหลือเฟือคนละหลายตัว แต่ “ยารักษาโรค” คือปัญหา เพราะเรายังขาดแคลนมาก เมืองไทยยังรักษากันแบบตามมีตามเกิด พวกเรานักศึกษา ปธพ.5 จึงคิดช่วยกันหาเงินสนับสนุนการรักษาพยาบาลให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยเฉพาะโรงพยาบาลเล็กๆตามต่างจังหวัดที่ห่างไกลความเจริญ พวกเราระดมไอเดียว่าอยากจะช่วยกันจัดคอนเสิร์ตการกุศลเพื่อช่วยเหลือวงการแพทย์ไทย โดยใช้ชื่อคอนเสิร์ตว่า “ศรัทธาเพื่อชีวิต” สื่อความหมายถึงโรงพยาบาลที่ต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดด้วยความศรัทธา”...คุณเอนกบอกเล่าถึงไอเดียดีๆที่ผุดขึ้นในกลุ่ม ปธพ.5 หลังได้สัมผัสความลำบากของแพทย์ไทย ที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนทุกวิถีทางเพื่อความอยู่รอดเรียนหลักสูตรพิเศษมาก็เยอะ หลักสูตรธรรมาภิบาลทางการแพทย์ จุดประกายความคิดแตกต่างจากที่อื่นยังไงผมผ่านการเรียนหลักสูตรมาเยอะ หลักสูตร ปปร. สถาบันพระปกเกล้า เรียนมาตั้งแต่รุ่น 4 ก็ 20 ปีมาแล้ว และหลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง (บ.ย.ส.) ก็เรียนตั้งแต่รุ่น 5 หลังจากนั้นผมไม่อยากเรียนแล้ว ผมเบื่อไม่คิดจะสังคมมากมายอะไร แต่เมื่อสองปีที่แล้วมีเพื่อนคนหนึ่งไปเรียนหลักสูตร ปธพ.4 มาชวนผมร่วมทำบุญช่วยโรงพยาบาลที่โคราช ผมเลยให้ไปล้านหนึ่ง เพราะอยากช่วยเหลือด้านการแพทย์และยารักษาโรคอยู่แล้ว ต่อมาเพื่อนคนนี้ชักชวนให้ผมมาเรียน ปธพ. รุ่น 5 โดยบอกเล่าว่า หลักสูตรนี้มีต้นกำเนิดมาจากพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช “อ่อนน้อมถ่อมตน ทุกคนมีดี อย่าดูถูกใคร” ที่ได้พระราชทานเป็นแนวทางแก้ปัญหาของวงการแพทย์ไทย ฉะนั้น ภารกิจหลักของชาว ปธพ.คือ การแสดงพลังจิตอาสาเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตด้านสาธารณสุขให้คนไทย โดยระดมกำลังกันออกหน่วยแพทย์เฉพาะทางให้ครอบคลุมหลากหลายสาขาที่สุด เพื่อย่นย่อระยะเวลาในการรอเข้ารับการรักษาโรคเฉพาะทางของผู้ป่วย ผมฟังแล้วก็ชอบในคอนเซปต์ทันที จากที่ได้คลุกคลีกับคุณหมอหลายสิบชีวิตมาทั้งปี นักธุรกิจใหญ่อย่างเรามองเห็นอะไรบ้างในทุกหลักสูตรเรียนมีคนเข้ามาเพื่อเอาเปรียบวิ่งเต้น จ้องหาคอนเนกชั่นเยอะแยะ แต่ในหลักสูตรหมอมีเพื่อนดีๆให้คบหามากมาย โดยไม่หวังประโยชน์อะไร จากที่ได้สัมผัสผมเห็นความร่วมแรงร่วมใจกันของแพทย์ไทย ไม่มีการแบ่งค่ายแบ่งโรงพยาบาล เพราะมีครบหมดทั้งแพทย์จากมหาวิทยาลัย จากกระทรวงสาธารณสุข จากภาครัฐคือหน่วยงานแพทย์ 4 เหล่าทัพ กรุงเทพมหานครและท้องถิ่น รวมถึงแพทย์จากโรงพยาบาลเอกชน เวลามีอะไรคุณหมอพวกนี้จะพร้อมยื่นมือช่วยเหลือกันทันที ตอนเรียนอยู่ผมไม่สบายหน้าชาไปครึ่งซีก ถ่ายวีดิโอคลิปลงไลน์กลุ่มปั๊บ พวกหมอช่วยกันแนะนำวิธีรักษาทุกทาง ทำให้ผมหายเร็วมาก ใช้เวลาแค่ 2 เดือน ขณะที่คนอื่นต้องใช้เวลารักษาเป็นปีในฐานะคนนอกวงการ เท่าที่ได้สัมผัสมาอะไรคือปัญหาใหญ่ของแพทย์ไทยยิ่งเข้าไปเรียนยิ่งเห็นปัญหาเยอะในวงการแพทย์ หมอเจอปัญหาเยอะมากเรื่องโดนคนไข้ฟ้องร้อง ในความเห็นของผม ไม่มีหมอคนไหนอยากให้คนไข้ตายหรอก ทุกคนต้องพยายามรักษาคนไข้เต็มที่ แต่พอเกิดเรื่องขึ้นรักษาคนไข้พลาด กลับโดนญาติคนไข้ฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายเป็นสิบๆล้าน อันนี้มันเกินไป ตอนที่เรียนอยู่ผมเสนอว่าเราน่าจะจำกัดความรับผิดชอบของหมอว่าต้องไม่เกิน 2-3 เท่าของค่ารักษาจริง ยิ่งมาเรียนกับหมอเยอะๆรู้เลยว่าหมอเมืองไทยยังขาดแคลนอีกเยอะ โดยเฉพาะในโรงพยาบาลรัฐที่อยู่ตามต่างจังหวัดไกลๆ หมอตามโรงพยาบาลรัฐมีชีวิตความเป็นอยู่ลำเค็ญขนาดไหนหลักสูตรของเรามีแพทย์อาสามาจากต่างจังหวัดเกินครึ่ง รู้เลยว่าขาดแคลนเกือบทุกโรงพยาบาล เพราะงบรัฐจำกัดมาก โรงพยาบาลเล็กๆมีหมอ 3 คน แค่รักษาคนไข้ก็จะตายแล้ว ไม่มีเวลามาคิดเรื่องหาเงินระดมทุนหรอก เราในฐานะนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จแล้วก็มีหน้าที่ต้องช่วยหมอเหล่านี้ให้อยู่รอดให้ได้ เพื่อจะได้มีแรงใจรักษาคนไข้เป็นเศรษฐีระดับนี้ ควักเงินบริจาคโรงพยาบาลก็สิ้นเรื่อง ทำไมต้องเหนื่อยลุกมาจัดคอนเสิร์ตผมเป็นคนทำอะไรต้องเต็มที่ ต้องให้สุดถึงจะชื่อเอนก!! เมื่ออยากจะช่วยวงการแพทย์ไทย เราก็ต้องทำทุกอย่างให้เต็มร้อย ผมกับเพื่อนๆปธพ.5 มานั่งคุยกันว่า ถ้าพวกเราบริจาคคนละล้านสองล้าน มันก็ไม่ยากอะไร แต่ถ้าจะให้มันยั่งยืนกว่านั้น น่าจะจัดกิจกรรมเป็นเรื่องเป็นราวให้สืบสานต่อไปได้ จึงมีการเสนอให้จัดคอนเสิร์ตการกุศลเพื่อระดมเงินช่วยเหลือแพทย์ไทย ใช้ชื่อว่า “ศรัทธาเพื่อชีวิต” ผมอาสาไปคุยกับ “คุณเสถียร เศรษฐสิทธิ์” ผู้บริหารค่ายคาราบาวกรุ๊ป ขอให้ “แอ๊ด คาราบาว” มาเล่นคอนเสิร์ตการกุศลให้เรา คุณเสถียรตอบตกลงทันที และแอ๊ดกับวงคาราบาวรับปากว่าจะเล่นให้ฟรี พอผมไปคุยกับทาง “เอ็ม 150” ขอ “ตูน บอดี้สแลม” มาร่วมแจมในคอนเสิร์ต ทางผู้บริหารค่ายโอสถสภาก็ตอบรับว่ายินดีพิจารณา คือผมเชื่อว่าถ้าเป็นเรื่องบุญเรื่องกุศล คนไทยทุกคนอยากร่วมแรงร่วมใจกันทำ โดยไม่เกี่ยงค่าย ผมกำลังเดินสายคุยกับทุกค่ายรถยนต์เพื่อขอให้มาเป็นสปอนเซอร์สนับสนุนการจัดคอนเสิร์ตนี้ คอนเสิร์ตมหากุศลครั้งนี้จัดขึ้นกี่รอบ และจะหาซื้อบัตรได้ที่ไหนคอนเสิร์ต “ศรัทธาเพื่อชีวิต” จะเปิดแสดงวันที่ 20 ม.ค.2561 ที่อิมแพค อารีนา เมืองทองธานี พวกเราจัดคอนเสิร์ตแบบรอบเดียวจบ ขายบัตรประมาณ 9,000 ที่นั่ง แบ่งให้แต่ละโรงพยาบาลไปจำหน่ายบัตรกันเอง หลักๆก็มี รพ.ศิริราช, รพ.รามาธิบดี, รพ.จุฬาฯ, รพ.ตำรวจ, รพ.พระมงกุฎเกล้า, รพ.ราชวิถี และ รพ.ภูมิพลอดุลยเดช หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่ 08-4629-4444 บัตรราคาตั้งแต่ 1,500, 3,000 จนถึง 5,000 บาท เริ่มเปิดขายวันที่ 1 ต.ค.นี้ โดยรายได้ทั้งหมดไม่หักค่าใช้จ่าย จะมอบให้โรงพยาบาล 20 แห่งทั่วประเทศ ผมอยากให้คนไทยรวมพลังกันแบบไม่มีค่าย แต่เป็นการรวมตัวกันเพื่อช่วยแพทย์ไทยจริงๆเลยวัยเกษียณมาหลายปี ทำยังไงให้ไฟแรงตลอดเวลาปีนี้ผมอายุ 63 แล้ว ผมมองว่าชีวิตไม่มีวันหยุดนะ ถึงจะเกษียณแล้วก็ต้องมีไฟ คนเรามีจังหวะชีวิตที่อยากจะวิ่งสลับกับการพัก วันนี้ไม่ทำอะไรเลยผมก็มีกินจนตาย แต่ถ้าไม่ทำอะไรที่เป็นประโยชน์ ผมว่าตายซะเลยดีกว่า!! ผมอยากทำอะไรที่เป็นประโยชน์กับสังคม แต่ไม่เคยคาดหวังว่าจะได้อะไรจากผู้รับนะครับ แค่มีความสุขจากการให้ก็พอแล้ว อย่าไปคาดหวังจะทำให้เครียด ถ้าเราจะให้ก็ต้องมีความสุขจากการให้ อย่าหวังสิ่งตอบแทน ย้อนมองชีวิตตัวเอง พอใจแค่ไหนกับความสำเร็จในอดีตผมพอใจกับชีวิตตัวเองมาก ผมจะคิดตลอดไม่ว่าทำอะไรก็ต้องทำให้ดีที่สุด ไม่ต้องยิ่งใหญ่อะไร แต่ทำทุกอย่างให้เต็มที่ เหมือนอย่างที่ผมไปลุยทำโครงการ “ทูฟาสทูสลีฟ” ทำที่อ่านหนังสือแบบ 24 ชั่วโมง ให้เยาวชนไทย อันนั้นก็ทำเพราะสนุกไม่หวังสิ่งตอบแทน กลับกลายเป็นว่ามีคนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเยอะ เชื่อไหมว่ายิ่งทำบุญเยอะยิ่งให้เยอะ สิ่งดีๆจะย้อนกลับมาหาเราเอง เมื่อก่อนผมเป็นคนขี้โมโห อะไรไม่ได้อย่างใจก็จะของขึ้นแล้ว แต่ตอนนี้รู้จักนั่งสมาธิดับอารมณ์ให้เย็นลงได้เร็ว และพยายามมองทุกอย่างในแง่ดี ทำอะไรที่สบายใจรวยแล้วต้องรู้จักแบ่งปัน ถือคติยิ่งให้ยิ่งได้มาก ไม่หวงไม่อด เมื่อจะหมดเงินทองก็ไหลมา!!ทีมข่าวหน้าสตรี