บรรยากาศการเจรจา “สันติภาพยูเครน” ส่อเค้าจะไปไม่รอด หลังกระบวนการเจรจาต่อรองกำลังอยู่ในสภาพชะงักงัน แต่แน่นอนสิ่งที่เกิดขึ้นในเพลานี้ ก็ไม่ต่างอะไรจากการเจรจาครั้งที่ผ่านๆมา เพราะยังไงชาติตะวันตกก็ไม่ต้องการให้ “ยูเครน” ลงนามในข้อตกลงที่เสียเปรียบและประสบความพ่ายแพ้ทางยุทธศาสตร์แต่อย่างใดดั่งเช่นข้อตกลงนี้ที่ยูเครนต้องยอมสละภูมิภาคดอนบาส หรือจังหวัดลูกานสก์-โดเนตสก์ไปทั้งหมด รวมถึงจังหวัดซาโปริชเชียและเคียร์ซอนทางภาคใต้ พร้อมกับลดกำลังทางทหาร มีกำลังพลได้ไม่เกิน 600,000นาย และห้ามเข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) ในอนาคตที่สำคัญข้อตกลงฉบับนี้ยังเปิดทางให้ “สหรัฐอเมริกา” เข้ามาเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์จากโครงการฟื้นฟูยูเครนหลังสงครามอย่างเต็มรูปแบบ มีเขียนไว้ชัดเจนว่ากำไรใดๆที่เกิดขึ้น อเมริกาจะเอาไป 50% เท่ากับว่ายุโรปอาจไม่ได้อะไรเลยจากเรื่องนี้ ขณะที่อเมริกาชิ่งหนีรอดตัวไปแล้วด้วยเหตุนี้ทางยุโรปจึงใช้สูตร “ถ่วงเวลา” ให้โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน เดินสายออนทัวร์ เจรจาต่อรองไปเรื่อยๆ ออกมาพูดนู่นนี้เพื่อให้รัสเซียมี “ปฏิกิริยาคัดค้าน” และจะได้เอาไปใช้เป็นเหตุผลให้ผู้นำสหรัฐฯยอมเปลี่ยนใจ ซึ่งประเด็นที่กำลังปั่นกันตอนนี้คือ เรื่องให้ยูเครนจัดการเลือกตั้งใหม่ทั้งนี้ วาระดำรงตำแหน่งประธานาธิบดียูเครนได้หมดอายุไปตั้งแต่เดือน พ.ค.2567 และทำให้ถูกตั้งคำถามว่า หากนายเซเลนสกีลงนามเอกสารข้อตกลงระหว่างประเทศอะไรไป จะเกิดการทักท้วงในภายหลังเรื่องผลทางกฎหมายหรือไม่ ขณะที่รัฐบาลรัสเซียก็ยื่นเงื่อนไขให้ว่า หากยูเครนจัดการเลือกตั้งก็จะระงับ การโจมตีหลังแนวรบในวันที่คนออกมาเข้าคูหาอย่างไรก็ตาม ตลอดเวลาที่ผ่านมารัฐบาลยูเครนปฏิเสธที่จะจัดการเลือกตั้ง และครั้งนี้ที่ยอมออกมาพูดเรื่องการจัดเลือกตั้งก็เพราะถูกรัฐบาลสหรัฐฯกดดันอย่างหนัก ซึ่งไม่วายฝ่ายยูเครนยังยื่นเงื่อนไขกลับว่า ถ้าอยากให้เราเลือกตั้งจริงๆ ชาติตะวันตกก็ต้องมอบเงินค่าจัดเลือกตั้งมา และมอบหลักประกันความมั่นคงที่จะทำให้ยูเครนไม่ถูกรุกรานอีกในอนาคตจึงกลายเป็นข้อสงสัยว่า เป็นการเอาประเด็นเลือกตั้งมาใช้ประวิงเวลาอีกหรือเปล่า และเอาเข้าจริงจะเป็นแผนลวงที่ได้ผลหรือไม่ เพราะสุดท้ายทางกองทัพรัสเซียก็ยังไม่มีท่าทีที่จะสูญเสียโมเมนตัมในการบุกทะลวงยึดแนวรบยูเครนแต่อย่างใด.ตุ๊ ปากเกร็ดคลิกอ่านคอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เพิ่มเติม