สงครามเย็นเริ่มต้นอย่างเป็นรูปธรรมเมื่อ 12 มีนาคม 1947 เป็นวันที่ประธานาธิบดีแฮร์รี เอส. ทรูแมน ประกาศ Truman Doctrine ต่อสภาคองเกรส ว่าสหรัฐฯจะสนับสนุนประเทศที่ถูกคุกคามจากคอมมิวนิสต์สหรัฐฯรับบทเป็นผู้นำฝ่ายโลกเสรี ส่วนโซเวียตถูกผลักให้ไปอยู่ฝ่ายตรงข้าม ที่จริงก่อนหน้านั้นเป็นช่วงที่มีความระแวง แต่ก็ยังลังเลและยังไม่มีการประกาศเผชิญหน้าโดยตรงนักประวัติศาสตร์เรียก 12 มีนาคม 1947 ว่าเป็น The formal beginning of Cold War และสงครามเย็นสิ้นสุดเมื่อ 25 ธันวาคม 1991 หลังจากนั้นโลกก็เข้าสู่มหาอำนาจขั้วเดียวคือสหรัฐฯ กระทั่งจีนและรัสเซียตั้ง SCO หรือองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้เมื่อ 25 มิถุนายน 2001 และ BRIC เมื่อ ค.ศ.2006 นั่นละครับโลกจึงแบ่งเป็น 2 ขั้ว ค.ศ.2025 เรารู้ได้ถึงความเสื่อมอำนาจของสหรัฐฯ พร้อมทั้งสถาบันระดับนานาชาติที่เป็นแกนกลางระเบียบโลกหลังสงครามโลก ครั้งที่ 2 ก็อ่อนแอ ไม่มีอำนาจ ทั้งสหประชาชาติ องค์การการค้าโลก หรือองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ฯลฯ องค์กรเหล่านี้มีโครงสร้าง มีสำนักงาน มีคนทำงาน มีแถลงการณ์ออกมาบานเบอะเยอะแยะ แต่ไม่มีพลังบังคับ ไม่มีใครเชื่อ ไม่มีคนศรัทธาโลกกำลังเคลื่อนสู่ภาวะไม่มีขั้ว โลกไร้ศูนย์กลาง โลกที่เราอาศัยอยู่ใบนี้กำลังกลายเป็นโลกที่ไม่มีใครเป็นผู้กำกับกติกาได้จริงอีกต่อไปอันตรายก็คือ ต่อไปไม่ว่าความขัดแย้งระดับภูมิภาคหรือระดับโลก จะไม่มีใครที่มีบารมีมากพอที่จะไประงับความขัดแย้งนั้นได้ เขียนให้เข้าใจง่ายก็คือ การทะเลาะกันของประเทศต่างๆไม่มี ‘ผู้ใหญ่’ ที่จะไปแทรกแซง ไปห้ามปรามให้หยุดทะเลาะกัน ประเทศที่เคยเป็นผู้ใหญ่แบบเดิมๆ อย่างสหรัฐฯ ก็หมดต้นทุนทางความน่าเชื่อถือ ไม่ว่าผู้นำอย่างทรัมป์จะเดินทางมาด้วยตัวเอง จะใช้โทรศัพท์คุย จะใช้อาวุธอย่างภาษีเข้ามาบีบบังคับก็ไม่มีใครเชื่อสมัยก่อน สงคราม ความขัดแย้ง หรือวิกฤติต่างๆ เมื่อเกิดขึ้นมาแล้วก็ไม่ขยายบานปลายเพราะมีกลไกระหว่างประเทศเข้าไปแก้ไข หรือมีมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯเข้าไปเป็นตัวกลางในการเจรจา ไม่ว่าจะเป็นการเจรจาลับ การกดดันทางการทูต หรือการใช้มาตรการคว่ำบาตรที่ผ่านมา สหรัฐฯใช้กลไกเหล่านั้นอย่างไร้คุณธรรม ใช้ตาม อำเภอใจจนกลายเป็นไม่มีความชอบธรรม ไม่มีใครเชื่อ ไม่มีใครทำตาม นี่เป็นอันตรายมากนะครับ เหมือนกับไม่มีกรรมการคอยห้ามศึก หรือลูกในบ้านทะเลาะกัน พ่อแม่เข้ามาห้ามก็ไม่เชื่อ เพราะพ่อแม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจนขาดความชอบธรรมองค์การการค้าโลก (WTO) ควบคุมสงครามการค้าไม่ได้ พอควบคุมไม่ได้บ่อยๆ ก็กลายเป็นเสือกระดาษ ประเทศใหญ่ๆเห่าหอนอะไรออกมาก็กลายเป็นแค่ข้อเสนอ ไม่ใช่พันธะที่ต้องทำตาม หรือแม้แต่นาโตที่เป็นกลไกของสหรัฐฯและตะวันตก ตอนนี้ก็ถูกวิจารณ์ว่าไร้เอกภาพ ไม่มีพลังในกรณีความขัดแย้งของไทย-เขมร แม้ว่าสหรัฐฯจะเข้ามาแทรกแซง หรือแม้แต่อาเซียนจะพยายามใช้กลไกขององค์กรมาทำให้เกิดสันติภาพ ให้นายกรัฐมนตรีของประเทศคู่ขัดแย้ง (ไทย-เขมร) มาลงนามร่วมกัน แต่ก็ใช้ไม่ได้จริง ไทยและเขมรไม่กลัวอาเซียน ไม่กลัวทรัมป์เหตุการณ์ต่างๆ อย่างนี้นี่ละครับ ผมอยากจะเรียนผู้อ่านท่านที่เคารพว่า เราเข้าสู่สถานะโลกไร้ขั้ว ไร้ศูนย์กลาง ที่ทำให้ไม่มีหลักประกันว่าถ้าเกิดปัญหาจะมีใครยื่นมือเข้ามาช่วยอย่างเป็นธรรมพวกนักวิเคราะห์ทั้งหลายก็โม้ไปแต่ละวันโดยไม่มีหลักการอะไร และต่อไปในอนาคต ก็จะไม่มีใครเชื่อนักวิเคราะห์การเมืองระหว่างประเทศแล้ว เพราะสถานการณ์เปลี่ยนไปวันต่อวัน เปลี่ยนไปตามอำเภอใจอย่างไม่มีหลักการ ไม่สามารถเขียนหรือวิเคราะห์อะไรได้ในระยะยาวไทยเป็นประเทศหนึ่งซึ่งมีปัญหากับเพื่อนบ้านท่ามกลางสภาวะโลกไร้ศูนย์กลาง สิ่งที่เราต้องทำคือต้องพึ่งตัวเอง อย่าไปเชื่อมหาอำนาจ หรือองค์การภูมิภาคอย่างอาเซียน อย่าไปผูกประเทศของเราไว้กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมากจนเกินไปโลกไร้ศูนย์กลางคือโลกที่เต็มไปด้วยช่องว่าง และในช่องว่างนั้นความขัดแย้งจะขยายตัวไปอย่างไร้ทิศทางโดยไม่มีเบรก โปรดระวังครับ.นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัยsonglok1997@gmail.comคลิกอ่านคอลัมน์ “เปิดฟ้าส่องโลก” เพิ่มเติม