เป็นเวลาหลายทศวรรษแล้วที่แพทย์มักแนะนำผู้ป่วยโรคหัวใจหลายล้านคนทั่วโลกให้ทานยา “แอสไพริน” เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะหัวใจวายและเส้นเลือดหัวใจอุดตัน โดยการทานยา “แอสไพริน” ปริมาณต่ำเป็นประจำทุกวันจะช่วยลดการอุดตันของเส้นเลือดที่จะนำไปสู่ภาวะหัวใจวายและสมองขาดเลือดได้แต่ในการประชุมคองเกรสของสมาคมด้านหัวใจวิทยาแห่งยุโรป ที่กรุงมาดริด ประเทศ สเปน เมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา เปิดเผยผล การศึกษาวิจัยใหม่ของทีมแพทย์จากนานาประเทศ อาทิ สหรัฐฯ อังกฤษ ออสเตรเลีย สวิตเซอร์แลนด์ และญี่ปุ่น ที่ทำการทดลองกับผู้ป่วยโรคเส้นเลือดหัวใจอุดตัน (CAD) จำนวนเกือบ 29,000 คน โดยทดลองกับกลุ่ม ผู้ป่วยที่หลากหลายทั้งผู้ป่วยที่เคยผ่าตัดหัวใจและเคยประสบภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด เฉียบพลัน และทำการทดลองทั้งผู้ป่วยที่รักษาตามโรงพยาบาลและคลินิกเฉพาะทางโรคหัวใจ ในหลายประเทศผลการศึกษาทดลองพบว่า ยา “โคลพิโดเกรล” (Clopidogrel) ซึ่งเป็นยาต้าน เกล็ดเลือดไม่ให้เกิดการจับตัวกันเป็นลิ่มเลือด สามารถลดความเสี่ยงของการเกิดเส้นเลือดหัวใจอุดตันได้มากกว่ายา “แอสไพริน” ร้อยละ 14 รวมทั้งมีความเสี่ยงต่อการตกเลือด น้อยกว่า “แอสไพริน” ด้วย ทำให้ยาโคลพิ โดเกรล น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าในการรักษาอาการเส้นเลือดหัวใจอุดตันในระยะยาวดร.ไบรอัน วิลเลียมส์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ประจำมูลนิธิด้านหัวใจของอังกฤษ หนึ่งในทีมแพทย์ที่ศึกษาเรื่องการใช้ยาโคลพิโดเกรลร่วมกับทีมแพทย์นานาชาติ กล่าวว่า ทั้งยาแอสไพรินและโคลพิโดเกรลเป็นยาที่หาได้ง่าย ซึ่งโดยปกติแล้ว แอสไพรินเป็นยาที่แพทย์ทั่วโลกจ่ายให้ผู้ป่วยเพื่อป้องกันอาการหัวใจวายและเส้นเลือดหัวใจอุดตัน แต่การวิจัยครั้งนี้นับเป็นการค้นพบที่น่าสนใจและเชื่อว่าจะชักจูงใจให้แพทย์ ทั่วโลกทั้งตามโรงพยาบาลและคลินิกต่างๆ เลือกจ่ายยาโคลพิโดเกรลให้ผู้ป่วยแทนยาแอสไพรินด้วยความที่มีประสิทธิภาพมากกว่า.ผู้เล็กน้อยคลิกอ่านคอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เพิ่มเติม