ประเทศสิงคโปร์ตอนนี้กำลังเจอปัญหาหนักเรื่องนักเรียนข่มเหงรังแกกันในสถานศึกษาจนทำให้รัฐบาลอยู่นิ่งเฉยไม่ได้ โดยนาย “เดสมอนด์ ลี” รมว.ศึกษาธิการของสิงคโปร์ ประกาศกร้าวออกมาตรการเข้มงวดขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหานักเรียนรังแกกันหรือการบูลลี่ รวมทั้งมีพฤติกรรมก้าวร้าวภายในโรงเรียนจากตัวเลขของสำนักข่าวแชนแนล นิวส์ เอเชีย ที่สอบถามนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาจำนวน 1,010 คน อายุระหว่าง 13–17 ปีจากโรงเรียน 149 แห่งทั่วสิงคโปร์เมื่อปี 2567 พบว่า 30% ของ นร.เหล่านี้ยอมรับว่าเคยถูกเพื่อนรังแก ขณะที่นักเรียนระดับประถมศึกษา 4–6 ราว 1 ใน 4 ที่ตอบแบบสำรวจเมื่อปีที่แล้วบอกว่า เคยเจอประสบการณ์ถูกกลั่นแกล้งมาแล้ว และนับตั้งแต่เข้าสู่ปี 2568 วงการศึกษาของสิงคโปร์ก็ยังมีปัญหาเรื่องนี้ โดยหลังเข้าปีใหม่เพียง 7 วัน มีข่าวนักเรียนระดับชั้น ม.1 ที่เพิ่งย้ายไปศึกษาที่โรงเรียนใหม่ โดนเพื่อนใหม่รับน้องใช้อาวุธเหล็กรุมตีที่ศีรษะจนมีแผลแตกและมีแผลลึกที่ท้ายทอย 8 มม. โชคดีที่ไม่มีอาการกระเทือนทางสมอง โดยที่ครอบครัวของ นร.คนดังกล่าวแจ้งความต่อตำรวจและรีบย้ายโรงเรียนทันทีต่อมาในเดือน มี.ค. มีเหตุการณ์นักเรียนโรงเรียนมัธยม “มงฟอร์ต” 2 คนรุมชกต่อยนักเรียนคนหนึ่งจนครูในโรงเรียนต้องเข้ามาห้าม จากนั้นก็ยังมีเคสกรณีนักเรียนข่มเหงรังแกกันในโรงเรียนต่อเนื่องเพียงแต่ไม่มีรายงานตัวเลขที่แน่นอน จนถึงกรณีล่าสุดในเดือน ส.ค. ที่โรงเรียนชั้นประถมศึกษา “เซงกัง กรีน” เด็กนักเรียน 3 คนรุมทำร้ายนักเรียนหญิงคนหนึ่ง โดยเด็กคนหนึ่งใน 3 คนใช้อาวุธมีดแกว่งไปแกว่งมาทำท่าเหมือนจะแทง นร.เรียนหญิงคนดังกล่าว และมีภาพเผยแพร่คลิปนี้ทางสื่อโซเชียลที่สร้างความตกตะลึงไปทั่วสิงคโปร์ จนมีการตั้งคำถามว่า โรงเรียนยังเป็นสถานที่ปลอดภัยหรือไม่เรื่องนี้ทำให้ รมว.ศึกษาธิการสิงคโปร์อยู่เฉยไม่ได้ ให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ผู้บริหารโรงเรียน ครู พ่อแม่ผู้ปกครอง และนักเรียนผู้ก่อเหตุ ต้องร่วมกันมีบทบาทแก้ไขปัญหาข่มเหงรังแกกันภายในโรงเรียน เร่งสร้างระเบียบวินัยให้กับนักเรียน พร้อมย้ำว่า พ่อแม่ผู้ปกครองมีบทบาทสำคัญที่สุดในการอบรมบุตรที่บ้านเป็นลำดับแรกและพูดคุยกับครูที่โรงเรียนอย่างใกล้ชิดเรื่องพฤติกรรมของลูกๆที่โรงเรียน ขณะที่คุณครูทั่วประเทศต้องเข้าอบรมคอร์สด้านจิตวิทยาเพื่อเข้าใจสภาพจิตใจของนักเรียนและแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพเป้าหมายสูงสุดคือสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียน การสร้างคนให้มีคุณภาพ และทำให้โรงเรียนเป็นสถานที่ปลอดภัยสำหรับนักเรียนอย่างแท้จริง.ผู้เล็กน้อยคลิกอ่านคอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เพิ่มเติม