ที่กำลังมาแรงในญี่ปุ่นคือพรรคซันเซโต เป็นพรรคขวา-ป๊อปปูลิสต์ฝ่ายขวาจัด ที่มีนโยบายคล้ายกับ American First ของทรัมป์ ของพรรคซันเซโตใช้คำว่า Japanese First มีอุดมการณ์ไปทางชาตินิยมญี่ปุ่น ต่อต้านโลกาภิวัตน์ ต่อต้านคนที่ย้ายมาอยู่ญี่ปุ่น ปฏิเสธสิทธิ LGBTQ และสิทธิมนุษยชนแบบตะวันตกปัจจุบันมีชาวต่างชาติเดินทางเข้าไปซื้อบ้านและที่ดินในญี่ปุ่น จนเกิดเป็นกระแสต่อต้าน พรรคซันเซโตมีนโยบายห้ามคนต่างชาติถือครองที่ดิน และพยายามลดจำนวนแรงงานต่างด้าว ส่วนนโยบายป้องกันประเทศ พรรคนี้เสนอปรับงบกลาโหมเป็นร้อยละ 3 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ สนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ญี่ปุ่นสามารถเพิ่มบทบาทของกองกำลังป้องกันตนเองได้เดือนพฤษภาคม 2025 ที่ผ่านมา พรรคซันเซโตเสนอร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เน้นการศึกษาให้เยาวชนญี่ปุ่นเรียนรู้คุณค่าดั้งเดิม ส่งเสริมสัญลักษณ์ตามประวัติศาสตร์ เคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และสร้างค่านิยมความภักดีต่อจักรพรรดิแต่ก่อนง่อนชะไร พรรคซันเซโตมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแค่ 1-2 ที่นั่ง คนญี่ปุ่นไม่เลือกพรรคการเมืองที่จะดึงประเทศย้อนกลับไปสู่ความเป็นชาตินิยมสุดโต่งเหมือนก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ปัจจุบันไม่ใช่...รัฐสภาของญี่ปุ่นมี 2 สภาคือสภาผู้แทนราษฎรที่มีสมาชิก 465 คน และสมาชิกสภาสูงที่มีทั้งหมด 248 ที่นั่งและมีการเลือกตั้งครึ่งสภาทุก 3 ปีไม่น่าเชื่อครับว่า การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อ 27 ตุลาคม 2024 พรรคซันเซโตได้ สส. 3 คน ส่วนการเลือกตั้งสมาชิกสภาสูงเมื่อ 20 กรกฎาคม 2025 พรรคซันเซโตได้สมาชิกถึง 15 ที่นั่ง เท่าที่ติดตามถามกระแสความนิยมของพรรคซันเซโตกำลังเพิ่มขึ้นจนมีการทำนายทายทักกันว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคซันเซโตจะได้ผู้แทนมากขึ้นทั้งสภาสูงและสภาล่างผู้คนจำนวนมากหันมานิยมพรรคการเมืองฝ่ายขวาจัดที่มีแนวคิดชาตินิยมสุดโต่งไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในญี่ปุ่น ทว่ากระแสนี้มาแรงในฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี สวีเดน ฯลฯ เหตุผลอาจจะมาจากการกลัวความหลั่งไหลของผู้อพยพ แรงงานต่างชาติ หรือแม้แต่นายทุนที่เข้ามากว้านซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศ แม้แต่ในประเทศไทยเอง เมื่อมีการเสนอข่าวว่ารัฐบาลพยายามจะให้ชาวต่างชาติเข้ามาเช่าที่ดินได้ในระยะยาว 99 ปี ก็เริ่มมีกระแสต่อต้านอย่างรุนแรงแม้ไม่มีคนทำงานบ้าน โรงงาน หรือในเรือกสวนไร่นาของตนเอง แต่คนไทยจำนวนไม่น้อยก็ขับไล่ไสส่งแรงงานต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแรงงานเขมร ผู้คนในยุคปัจจุบันเริ่มรู้สึกหวงแหนอัตลักษณ์ประจำชาติ ไม่ว่าจะเป็นภาษา ศาสนา วัฒนธรรม หรือแม้แต่ประวัติศาสตร์ พรรคการเมืองในหลายประเทศจึงเลียนแบบนโยบายของทรัมป์ที่ว่า American First ซึ่งนโยบายนี้ขัดต่อความเป็นสากลนิยมและพหุภาคีนิยมโลกมีความเหลื่อมล้ำต่ำสูงมากขึ้นทุกที เศรษฐกิจชะลอตัวเริ่มจะไปไม่รอด พวกพรรคขวาจัดของแต่ละประเทศสร้างความนิยมด้วยการชี้นิ้วโทษไปยังผู้อพยพ นักเคลื่อนไหวสิทธิมนุษยชน ข้าราชการ สถาบันระหว่างประเทศ ซึ่งการชี้นิ้วตำหนิติเตียนเหล่านี้สร้างคะแนนนิยมได้ง่ายกว่าการไปอธิบายขยายความระบบเศรษฐกิจที่ซับซ้อนเดิมนักวิเคราะห์ทำนายทายว่าโซเชียลมีเดียจะทำให้โลกมีความเป็นสากลมากขึ้น มนุษย์มีความเข้าอกเข้าใจกันมากขึ้น แต่ความเป็นจริงกลับตรงกันข้าม โซเชียลมีเดียทำให้คนเข้าถึงความเห็นสุดโต่งและความเชื่อแบบอนุรักษนิยมรุนแรงได้ง่าย ดูได้จากกรณีความขัดแย้งไทย-กัมพูชาในเดือนกรกฎาคม 2025นักการเมืองที่เป็นพวกขวาจัดอย่างโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ หรือโซเฮ คามิยะ คนก่อตั้งพรรคและเลขาธิการพรรคซันเซโตของญี่ปุ่น สามารถใช้โซเชียลมีเดียสื่อสารและสร้างกระแสชาตินิยมตรงกับประชาชน ความเรียบง่ายในการสื่อสารที่พูดถึง ‘คนของประเทศเราต้องมาก่อน’ มีพลังดึงดูดทางการเมืองที่รุนแรงการให้ความสำคัญกับองค์กรโลกอย่างสหประชาชาติ องค์การอนามัยโลก กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือองค์กรภูมิภาคอย่างสหภาพยุโรป หรือแม้แต่สนธิสัญญาระหว่างประเทศ กำลังลดน้อยถอยลงไปพวกชาตินิยมที่สื่อสารแบบตรงไปตรงมา พูดจาภาษาชาวบ้านกำลังมาแรงแทนพวกที่พูดจาซับซ้อน ฟังไม่รู้เรื่อง และไม่กล้าตัดสินใจอย่างเด็ดขาด.นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัยsonglok1997@gmail.comคลิกอ่านคอลัมน์ “เปิดฟ้าส่องโลก” เพิ่มเติม