ความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมแฟชั่นโลกไม่กี่วันมานี้ หนีไม่พ้นรายงานจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กเปิดเผยว่า “Prada” แบรนด์หรูสัญชาติอิตาลีใกล้จบดีลเข้าซื้อแบรนด์แฟชั่นชื่อดังชาติเดียวกันอย่าง “Versace” จาก Capri Holdings Ltd. ด้วยมูลค่าประมาณ 1,500 ล้านยูโร (หรือราว 53,341 ล้านบาท)มีการประเมินว่าทั้ง 2 ฝ่ายอาจได้ข้อสรุปอย่างเร็วสุดภายในเดือนนี้ แต่กว่าจะถึงวันนั้น แน่นอนว่าตัวเลข และข้อตกลงต่างๆ อาจมีการเปลี่ยนแปลง รวมทั้งยังมีความเป็นไปได้เสมอที่การเจรจาอาจล้มเหลวอย่างไรก็ตาม หากสำเร็จลุล่วง ดีลนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ เป็นการ “ทวนกระแส” ความเคลื่อนไหวของแฟชั่นเฮาส์ใหญ่ๆ ในประเทศอย่าง Gucci และ Valentino ถูกบริษัทต่างชาติซื้อกิจการ ขณะที่ยังจะส่งผลให้ Prada มีศักยภาพเพิ่มขึ้นในระยะยาวจากการเป็นแหล่งรวมความหรูหราแบบอิตาลี ยกระดับความสามารถในการแข่งขัน ระดับโลกกับยักษ์ใหญ่จากฝรั่งเศสอย่าง LVMH และ Kering ซึ่งปัจจุบันครองตลาดด้วยแบรนด์ดังมากมายนับตั้งแต่จานนี เวอร์ซาเช ก่อตั้งขึ้นในปี 2521 และโดนาเทลลา เวอร์ซาเช ผู้เป็นน้องสาวรับช่วงนำทัพต่อหลังจากพี่ชายถูกสังหารโหดเมื่อเดือน ก.ค.2540 ตลอดเวลาที่ผ่านมาแบรนด์ Versace สื่อถึงความเซ็กซี่ เย้ายวน และเต็มเปี่ยมด้วยความมั่นใจ จึงเป็นที่นิยมของบรรดาเซเลบริตี้ ดารา-นักร้องทั่วโลกมากมาย ขณะที่ Capri บริษัทเจ้าของแบรนด์ดังอย่าง Michael Kors และ Jimmy Choo เริ่มมองหาช่องทางขาย Versace มาระยะหนึ่งแล้ว หลังจากเข้าซื้อกิจการในปี 2561 ด้วยมูลค่าประมาณ 1,850 ล้านยูโร ด้วยความหวังเสริมความแข็งแกร่งในภาคธุรกิจสินค้าลักชัวรี ด้วยการนำแบรนด์ที่โดดเด่น 3 แบรนด์มารวมกัน แต่กลับไม่เป็นไปตามที่คาดส่วน Prada ที่มีสไตล์สง่างาม รูปทรงและโทนสีเรียบๆ สะอาดตา มินิมอลลิสต์ ตรงข้ามกับ Versace เป็นกลุ่มแฟชั่นหรูใหญ่สุดในอิตาลี ผลประกอบการยังแข็งแกร่งแม้ว่าภาพรวมอุตสาหกรรมชะลอตัว กำลังเตรียมการปรับเปลี่ยนธุรกิจ เพื่อส่งมอบให้กับทายาทรุ่นต่อไป การรุกก้าวสำคัญครั้งนี้จะเป็นอย่างไร อีกไม่นานคงได้รู้กัน. อมรดา พงศ์อุทัยคลิกอ่านคอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เพิ่มเติม