ถูกตราหน้าจากรัฐบาลจีนว่าเป็นนายทุนผู้ชั่วร้ายมาพักใหญ่ เล่นเอา “แจ็ค หม่า” มหาเศรษฐีจีน ผู้ก่อตั้งอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ “กลุ่มอาลีบาบา” ต้องเก็บเนื้อเก็บตัวหายจากสังคมโลกไปเลย เพราะโดนรัฐบาลจีนเข้ามาสอดส่องและตรวจสอบความโปร่งใสของอาณาจักรอาลีบาบาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2020ล่าสุด ได้รับไฟเขียวให้กลับมาอีกครั้งจาก “ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง” เรียกตัวเหล่าผู้บริหารบริษัทชั้นนำของจีนและผู้ประกอบการเอกชนเข้าร่วมประชุมสัมมนา เพื่อเปิดทางให้ธุรกิจเอกชนจีนกลับมามีบทบาทหนุนเศรษฐกิจโตรับมือสงครามการค้ากับอเมริกา นอกจาก “เหริน เจิ้ง เฟย” จากหัวเว่ย, “หวัง ชวนฟู” จากBYD, “สวี หมิง” จาก Galaxy Space และ “เล่ย จุน” จากXiaomi จะได้เข้าร่วมเสนอความคิดเห็นและคำแนะนำเกี่ยวกับการพัฒนาภาคเอกชนให้แข็งแกร่ง งานนี้ “แจ็ค หม่า” ก็เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการคนสำคัญที่ได้รับเชิญร่วมโต๊ะประชุมในอดีตที่ผ่านมาอิทธิพลของ “แจ็ค หม่า” บนเวทีโลก ยิ่งใหญ่ขนาดที่ว่าเขาคือนักธุรกิจจีนคนแรกๆที่ “ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์” ขอนัดเจอตอนชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีสมัยแรก เมื่อปี 2016 โดยยุคนั้นแจ็คผู้ฆ่ายักษ์คือสัญลักษณ์ของความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ จากครูภาษาอังกฤษจนๆ จากเมืองหังโจว เขาสามารถปลุกปั้นอาลีบาบาจนกลายเป็นคู่แข่งสำคัญที่ท้าชนกับ “Amazon” ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซอันดับหนึ่งของโลก และมักจะได้รับเชิญให้เดินสายไปพูดบนเวทีระดับโลกมากมาย เพื่อถ่ายทอดเคล็ดลับความสำเร็จแบบคนกล้าคิดกล้าพูดและกล้าทำขณะที่ “แจ็ค หม่า” ได้รับการเชิดชูให้เป็นฮีโร่ยุคใหม่ และกำลังรุ่งถึงขีดสุด พฤติกรรมผูกขาดตลาด และใช้ความฉลาดเอารัดเอาเปรียบกีดกันคู่แข่ง เช่น บังคับให้ร้านค้าต้องลงนามความร่วมมือพิเศษ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ขายนำสินค้าไปขายบนแพลตฟอร์มของคู่แข่ง ทำให้เจ้าพ่ออาลีบาบาถูกจับจ้องจากรัฐบาลอย่างหนัก กระนั้น ฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้รัฐบาลจีนเอาจริงตัดสินใจเด็ดปีกเจ้าสัวอาลีบาบา เป็นเพราะปากพาจนของเจ้าสัวหน้าเหลี่ยม ที่ออกมาตำหนิการทำงานของหน่วยงานกำกับดูแลระบบธนาคารว่า ทำงานเหมือนโรงรับจำนำที่ให้ยืมเงินเฉพาะคนที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน สร้างความเดือดดาลให้รัฐบาลจีนต้องสั่งระงับการเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นของ “Ant Group” บริษัทฟินเทคในเครืออาลีบาบา นับตั้งแต่นั้นมา “แจ็ค หม่า” ก็ตกกระป๋องจากตำแหน่งลูกรักของประธานาธิบดี เหลือแค่สถานะ “นายทุนผู้ชั่วร้าย”เรื่องความเก่งความฉลาดและความเป็นนักสู้ แถมยังมีวิสัยทัศน์ยาวไกล “แจ็ค หม่า” ได้คะแนนเต็มสิบไม่มีใครเถียง แต่นิสัยกล้าได้กล้าเสีย, ชอบพูดจาโอหังอวดดี และท้าทายอำนาจของรัฐ ยังคงเป็นอุปสรรคใหญ่ต่อการทำมาหากินในประเทศคอมมิวนิสต์ ซึ่ง “ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง” ย้ำหลายครั้งว่า ความจงรักภักดีต่อประเทศชาติเป็นคุณสมบัติสำคัญที่สุด เหมือนจะชี้ว่าบุคคลแบบอย่างที่ท่านผู้นำชื่นชอบจะต้องมีคุณสมบัติอย่างไร ซึ่งหากทำตัวเบ่งออกนอกลู่นอกทาง และเริ่มมีอำนาจล้นมือเกินไป ถึงจะสร้างรายได้มหาศาลให้ประเทศ และเป็นหัวหอกสำคัญที่คอยสู้ฟัดกับคู่แข่งมหาอำนาจโลก รัฐบาลจีนก็พร้อมเชือดไก่ให้ลิงดูเป็นเยี่ยงอย่าง เพื่อสยบกระแสความเหลื่อมล้ำในสังคมจีน ที่ผู้คนรู้สึกอิจฉาและโกรธเกลียดคนรวยมากขึ้นทุกทีการดึงสติความโอหังของเจ้าสัว เท่ากับเป็นการตอกย้ำว่ารัฐเป็นเจ้าของทุกสิ่งทุกอย่างในประเทศ และไม่มีอะไรจะสำคัญเท่าความจงรักภักดีต่อชาติ และการกุมอำนาจของรัฐบาลให้มั่นคงขึ้นบรรดาเจ้าสัวใหญ่ๆของเมืองไทย น่าจะเรียนรู้บทเรียนจาก “แจ็ค หม่า” ไม่มากก็น้อย ถึงจะใหญ่แค่ไหนก็ล้มได้ ถ้าฟ้าไม่เปิดให้นกบิน!!มิสแซฟไฟร์คลิกอ่านคอลัมน์ “คนดังอะราวนด์เดอะเวิลด์” เพิ่มเติม