เมื่อปีที่แล้ว ทีมวิจัยจากสถาบันโบราณคดีแห่งมหาวิทยาลัยนิโคเลาส์ โคเปอร์นิคัส ในโปแลนด์ ค้นพบซากโครงกระดูกสตรีคนหนึ่งในหลุมศพที่หมู่บ้านเปียน ในโปแลนด์ ร่างของเธอมีเคียวโลหะวางขวางลำคอ มีแม่กุญแจรูปสามเหลี่ยมล็อกที่นิ้วหัวแม่เท้าข้างซ้าย อันเป็นวิธีปฏิบัติกับศพคนตายในโปแลนด์ยุคศตวรรษที่ 17 โดยเฉพาะคนตายที่ถูกตรา หน้าว่าเป็นแวมไพร์หรือผีดูดเลือด เมื่อต้นปีนี้ทีมวิจัยเดิมได้ขุดหลุมศพที่ไม่มีป้ายในหมู่บ้านเปียนอีก และเจอโครง กระดูกอายุ 400 ปี เป็นของเด็กชายวัย 6-7 ขวบ ฝังห่างหลุมเดิมเกือบ 2 เมตร ทีมพบว่าโครงกระดูกเด็กชายนั้น เดิมทีร่างถูกฝังอยู่ในท่าตั้งตรง คว่ำหน้าลง มีกุญแจเหล็กรูปสามเหลี่ยมพับอยู่ใต้เท้าของเขา ทีมได้ขุดซากเด็กขึ้นมา ยกเว้นหน้าแข้งและเท้า และระบุว่าหลุมศพถูกรบกวนหลังจากเด็กชายถูกฝัง แต่ระบุไม่ได้ว่าเกิดขึ้นเมื่อใด และไม่ชัดเจนว่าคนที่ขุดหลุมศพตั้งใจจะทำอะไรกับศพ อาจตั้งใจจะเผาหรือทำลายศพ และเมื่อเปรียบเทียบกับซากโครงกระดูกเด็กอีก 3 คนที่ฝังอยู่ไม่ไกลกัน ก็พบว่าหลุมศพของเด็กชายที่มีกุญแจเหล็กรูปสามเหลี่ยมมีความเฉพาะตัว และไม่มีการฝังศพเด็กคนอื่นๆในสภาพที่คล้ายคลึงกัน การฝังศพเด็กที่มีการล็อกกุญแจบ่งชี้ว่าเพื่อยับยั้งไม่ให้เขาฟื้นคืนชีพ แสดงให้เห็นถึงความหวาดกลัวของผู้คนในศตวรรษที่ 16 และ 17 ที่เชื่อว่าผู้เสียชีวิตจะเป็นสัตว์ประหลาดที่มีลักษณะคล้ายแวมไพร์ ทั้งนี้ นักวิจัยเผยว่า โปแลนด์ในศตวรรษที่ 16 และ 17 เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากจากน้ำท่วมใหญ่ของสวีเดน และต้องต่อสู้กับชาวคอสแซคที่เป็นกลุ่มคนจากจักรวรรดิรัสเซีย ซ้ำด้วยโรคระบาด เผชิญวิกฤติเศรษฐกิจ และการต่อต้านการปฏิรูป สภาพความเป็นอยู่อันทุกข์ทนในช่วงเวลานั้น ได้นำผู้คนไปสู่ความเชื่อในเรื่องวิญญาณหรือปิศาจมากขึ้น.ทั้งหมดเป็นภาพโครงกระดูกของสตรีที่ถูกขุดพบในหลุมศพที่หมู่บ้านเปียน ในโปแลนด์อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่