ฟีเวอร์สงครามเริ่มผ่อน กลายเป็นข่าวรายวันที่ชาวโลกให้ความสนใจน้อยลงไปเรื่อยๆ หลังสถานการณ์ยืดเยื้อมากว่า 120 วัน ยังไม่มีใครแพ้ใครชนะอย่างไรก็ตาม ในแวดวงความมั่นคงแล้ว สถานการณ์ ณ เพลานี้ถือว่ากำลังเข้าช่วงพีก การรบดุเดือดยิ่งกว่าที่ผ่านมา เนื่องจากทั้งสองฝ่ายทุ่มหน่วยรบหัวกะทิเข้าห้ำหั่นกันเต็มรูปแบบในจังหวัดโดเนตสก์และลูฮานสก์หรือภูมิภาค “ดอนบาส” ทางตะวันออกของยูเครน โดยที่ต่างฝ่ายต่างเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากการศึกตลอด 4 เดือนที่ผ่านมา และพยายามปรับกลยุทธ์แก้เกมอีกฝ่ายอย่างต่อเนื่องการบุกสายฟ้าแลบสไตล์บลิซครีกด้วยรถถัง-ยานเกราะ เพื่อยึดพื้นที่ให้มากที่สุดและเร็วที่สุดในช่วงต้นสงครามกลายเป็นความผิดพลาด การส่งเสบียงที่ขาดประสิทธิภาพทำให้หน่วยทะลวงฟันไปต่อไม่ได้ ต้องจอดรอจนตกเป็นเป้านิ่งของปืนใหญ่-โดรนไร้คน (ที่มีชาติตะวันตกชี้เป้า) และการซุ่มโจมตีจากจรวดต่อต้านรถถังนำไปสู่การปรับลดขนาดปฏิบัติการจากเดิมรุกทุกแนวรบทั้งภาคเหนือ-ตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันออก-ใต้ เหลือเพียงทิศตะวันออกอย่างเดียว (ซึ่งเป็นพื้นที่ที่รบพุ่งกันมาตั้งแต่ 8 ปีก่อน) พร้อมปรับเปลี่ยนตำราการศึกเป็นเล่มเก่า ใช้ทหารราบรุกคืบ ยานเกราะและรถถังสนับสนุนอยู่ด้านหลัง และหากเจอการต้านทานก็จะใช้ปืนใหญ่-รถยิงจรวดยิงถล่มให้เหี้ยนเตียนหรือยิงนวดเพื่อบีบให้ข้าศึกต้องล่าถอยไปแท็กติกช้าแต่ชัวร์และทำได้เฉพาะประเทศที่มีปริมาณกองทัพเหนือกว่า ได้ส่งผลให้การรุกคืบในภาคตะวันออกที่ดำเนินมาตั้งแต่ช่วงกลางเดือน พ.ค. ดำเนินไปอย่างช้าๆ มีรายงานเป็นระยะๆจากแนวหน้าว่า เป็นศึกดวลด้วยปืนใหญ่ที่แท้จริง ใครพลาดถูกตรวจจับ หรือย้ายตำแหน่งไม่ทันก็มีอันต้องวอดวาย “ฝ่ายรัสเซียยอมรับว่า หน่วยทหารปืนใหญ่ของยูเครนมีการฝึกซ้อมอย่างดี โจมตีอย่างแม่นยำ ก่อนหนีไปซ่อนอย่างรวดเร็ว ถึงเป็นศัตรูกันก็รู้สึกเคารพยำเกรง และจะไม่ประมาทเด็ดขาด ส่วนฝ่ายยูเครนระบุว่า ปืนใหญ่ของฝ่ายรัสเซียไม่แม่นเท่าเรา แต่ปัญหาคือ มีจำนวนมหาศาลชดเชยการขาดความแม่นยำ แรงระเบิดในตำบลกระสุนตกจะมืดฟ้ามัวดิน และสุดท้ายแล้วการยิงที่ถี่มากย่อมจะต้องโดนเป้าหมายสักลูกสองลูก”การรุกแบบ “เครื่องบดเนื้อ” ที่กำลังเป็นไปอย่างดุเดือดนั้น ส่งผลให้กองทัพรัสเซียประสบความสำเร็จในการยึด “จังหวัดลูฮานสก์” ได้แล้วกว่า 95 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งแน่นอนว่าอีกไม่นานจังหวัดดังกล่าวก็จะตกเป็นของรัสเซียโดยสมบูรณ์ เนื่องด้วยยูเครนปั๊มกระสุนไม่ทัน และเป็นที่มาของการร้องวิงวอนอย่างต่อเนื่องให้ชาติตะวันตกส่งมอบกระสุนและยุทโธปกรณ์โดยปืนใหญ่และรถยิงจรวดเป็นการเร่งด่วนเหลือเพียงปราการด่านสุดท้ายที่ยังพิชิตไม่สำเร็จนั่นคือ “เมืองแฝด” เซเวโรโดเนตสก์-ลีซีชานสก์ ที่ตั้งอยู่บนฝั่งตะวัน ออก-ตะวันตกของแม่น้ำโดเนตสก์ (คล้ายๆ กับฝั่งธนบุรี-ฝั่งพระนคร) ซึ่งมีความสำคัญด้านอุตสาหกรรมโรงงานเคมีภัณฑ์-พลาสติก-ยาง ไปจนถึงโรงกลั่นน้ำมัน ทั้งมีความได้เปรียบทางชัยภูมิ เมืองฝั่งตะวันออกอยู่ต่ำกว่าฝั่งตะวันตก การรุกคืบใดๆจากทางตะวันออกย่อมถูกตรวจพบและถูกโจมตีด้วยปืนใหญ่หรือจรวดในทันทีตั้งแต่ช่วงต้นเดือน มิ.ย. เมืองเซเวโรโดเนตสก์ มีการเปลี่ยนมือกันหลายต่อหลายครั้ง หลังจากกองทัพยูเครนใช้ประสิทธิภาพของทหารราบที่เหนือกว่า ส่งหน่วยรบอาสาต่างชาติและหน่วยรบพิเศษเข้าตะลุมบอนในซากปรักหักพัง นักข่าวอิสระ-นักข่าวยูเครนรายงานเป็นระยะๆ ว่า ทหารรัสเซียมักจะถูก “เข้าเยี่ยม” ในตอนดึก และการยิงปืนใหญ่ตอบโต้ใดๆมักสร้างผลร้ายแก่ฝ่ายรัสเซียเอง เนื่องจากซากปรักหักพังถือเป็นกำบังและที่มั่นชั้นดีแต่แน่นอน ชัยชนะในสนามรบไม่ได้หมายความว่าจะได้รับชัยชนะในภาพรวมไปด้วย เพราะในขณะเดียวกันกองพลรบของรัสเซียที่อยู่ทางภาคใต้ของเมืองแฝดได้ทำการตีทะลวงขึ้นเหนือ-ตะวันตกเฉียงเหนือจากแนวรบเมือง “โปปาสนา” และกำลังจะบรรลุภารกิจสำคัญ 3 ประการนั่นคือ 1.คุกคามเมืองบาคห์มุต ซึ่งเป็นจุดพักเสบียงสู่เซเวโรโดเนตสก์-ลีซีชานสก์ 2.ตัดทางหลวง T1302 เส้นทางส่งเสบียงสู่เมืองแฝด และ 3.เข้าประชิดเมืองลีซีชานสก์จากทางใต้ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียเปรียบด้านชัยภูมิคำบอกเล่าของอาสาสมัครที่ตระเวนช่วยอพยพพลเรือนที่ตกค้างในเมืองลีซีชานสก์ระบุว่า นับวันกองทัพรัสเซียยิ่งโหมการโจมตีด้วยอาวุธระยะไกล เสียงปืนใหญ่เสียงจรวดของฝ่ายเราจะตามมาด้วยเสียงยิงจากฝ่ายตรงข้ามเสมอ โดยเฉพาะตอนกลางคืนไม่ควรออกไปไหน อันตรายมาก มีเสียงอื้ออึงกันว่า ทหารรัสเซียและกำลังผสมแบ่งแยกดินแดน-นักรบเชเชน อยู่ห่างจากตัวเมืองไปไม่ถึง 2 กิโลเมตรตามถนนหนทางต่างๆเต็มไปด้วยทหารยูเครนที่กำลังขุดหลุมเพลาะไม่ก็กำลังเดินแถวมุ่งสู่แนวหน้า สวนทางกับขบวนรถอพยพพลเรือน การปะทะภายในตัวเมืองดูเหมือนเป็นเรื่องที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง ...เวลาของ “เมืองแฝด” แห่งลูฮานสก์กำลังจะหมดลง.วีรพจน์ อินทรพันธ์