ชาติตะวันตกและยูเครน ยังคงไม่มั่นใจต่อท่าทีของรัฐบาลรัสเซีย ในประเด็นกำลังทหารที่รายล้อมรอบอาณาบริเวณใกล้พรมแดนยูเครน แม้ก่อนหน้านี้กองทัพรัสเซียจะแสดงท่าทีลดความตึงเครียดด้วยการประกาศถอนทหารบางส่วน โดยกระทรวงกลาโหมยูเครน ได้ยืนยันว่า ทหารรัสเซียกลับเพิ่มจำนวนมากขึ้น ประมาณการแล้วคาดว่าอยู่ที่ราว 149,000 นาย และยังมีอีกหลายพันนายกำลังเตรียมเคลื่อนพลเข้ามาทั้งนี้ เมื่อวันที่ 18 ก.พ. กระทรวงกลาโหมรัสเซียได้ชี้แจงว่ากองทัพยังถอนทหารออกจากพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นรถถังหรือยานเกราะไปจนถึงเครื่องบินสนับสนุนการรบภาคพื้นดินรุ่นซู-24 จำนวน 10 ลำ ที่เตรียมย้ายออกจากคาบสมุทรไครเมียทางภาคใต้ของยูเครน อย่างไรก็ตาม ต่อมาในช่วงเย็นวันเดียวกัน สื่อท้องถิ่นรัสเซียระบุว่า นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย จะร่วมสังเกตการณ์การซ้อมรบขนานใหญ่ในวันที่ 19 ก.พ. ซึ่งจะเป็นการฝึกซ้อมยิงจรวดมิสไซส์รุ่นต่างๆ ไม่ว่าจรวดร่อนหรือขีปนาวุธ ไปจนถึงการทดสอบความพร้อมของหัวรบนิวเคลียร์ แต่รัฐบาลรัสเซียย้ำว่าเป็นการฝึกซ้อมที่เตรียมการไว้ล่วงหน้ามาสักระยะ ถือเป็นการฝึกซ้อมปกติ และไม่ได้มีจุดประสงค์ที่จะขยายความตึงเครียดด้านสำนักข่าวต่างประเทศรายงานด้วยว่า การฝึกซ้อมขีปนาวุธของรัสเซีย มีขึ้นก่อนหน้ากำหนดการวันที่ 20 ก.พ. ที่กองทัพรัสเซียจะจบภารกิจการฝึกซ้อมรบขนานใหญ่ในประเทศเบลารุส ทางภาคเหนือของยูเครน ที่ชาติตะวันตกกล่าวหาอาจใช้เป็นฉากบังหน้า เพื่อเคลื่อนทัพสู่กรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครนที่อยู่ห่างจากพรมแดนเบลารุสไปเพียง 88 กิโลเมตร ขณะที่กลุ่มผู้นำชาติตะวันตก จัดประชุมความมั่นคงประจำปีที่นครมิวนิก ของเยอรมนี ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2542 ที่รัสเซียไม่ส่งตัวแทนเข้าร่วม นอกจากนี้ การฝึกซ้อมของรัสเซียในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ยังเกิดขึ้นหลังสถานการณ์ความขัดแย้งในภูมิภาคยูเครนตะวันออกทวีความรุนแรงโดยมีรายงานกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนยูเครน ได้กล่าวหาว่า ถูกกองทัพยูเครนกระหน่ำยิงด้วยปืนครกและปืนใหญ่ตลอดแนวรบในยูเครนตะวันออก เป็นเวลา 2 วันติดต่อกันแล้ว ส่งผลให้รัสเซียออกแถลงแสดงความกังวล ขณะที่รัฐบาลสหรัฐฯมองว่า กองทัพรัสเซียอาจใช้เป็นข้ออ้างในการรุกรานยูเครน.