ถึงจะบรรลุข้อตกลงยุติการฟ้องร้องคดีล่วงละเมิดทางเพศผู้เยาว์ ทำให้ราชวงศ์อังกฤษรอดหวุดหวิดจากความอับอาย แต่ “เจ้าชายแอนดรูว์” พระราชโอรสองค์ที่สองของควีนเอลิซาเบธที่สองแห่งอังกฤษ ก็เจอกระแสกดดันจากฝ่ายการเมืองให้ถอดถอนพระยศ “ดยุกแห่งยอร์ก” เพื่อเป็นเยี่ยงอย่างแก่พระราชวงศ์ กลายเป็นเสือสิ้นลายเอาตอนวัยเกษียณสมัยนี้กรรมติดจรวดไม่ต้องรอชาติหน้า!! “เจ้าชายแอนดรูว์” ทรงเลือกใช้ชีวิตเพลย์บอยเต็มขั้นมาตลอด แม้จะถูกสื่ออังกฤษตีแผ่เรื่องใช้จ่ายเงินภาษีของประชาชนสุรุ่ยสุร่าย เพื่อสร้างความสำเริงสำราญให้ตัวเอง อีกทั้งใช้ตำแหน่งผู้แทนพิเศษด้านการลงทุนและการค้าระหว่างประเทศของสหราชอาณาจักร เพื่อตักตวงผลประโยชน์อย่างต่อเนื่อง แต่องค์ควีนก็ทรงเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ยอมปล่อยผ่านให้ใช้งบหลวงปีละ 3-4 แสนปอนด์ โดยไม่พร่ำบ่น เพื่อแลกกับความสุขของพระราชโอรสองค์โปรด กระนั้น เมื่อเกิดเรื่องอื้อฉาวใหญ่โตกระฉ่อนไปทั้งโลก ความอยู่รอดของราชวงศ์ย่อมสำคัญกว่า จึงถึงเวลาแล้วที่จะเช็กบิล “เจ้าชายเพลย์บอย” ผู้ลอยตัวอยู่เหนือปัญหามาแสนนานตั้งแต่เกิดข่าวฉาว “สมเด็จพระบรมราชินีเอลิซาเบธที่สอง” มีพระราชบัญชาให้ “เจ้าชายแอนดรูว์” หยุด ปฏิบัติพระกรณียกิจทุกอย่าง, ปิดเว็บไซต์และช่องทางการสื่อสารทุกทาง พร้อมสั่งงดการปรากฏพระองค์ต่อสาธารณชน ตามมาด้วยการริบยศทางทหารและสั่งห้ามไม่ให้ใช้ตำแหน่งเจ้าชาย (His Royal Highness) โทษฐานทำราชวงศ์ เสื่อมเสียหนักจากคดีล่วงละเมิดทางเพศเด็กสาวอายุไม่เกิน 18 ปี“ดยุกแห่งยอร์ก” ทรงพลาดหนักจริงๆ ที่ไปสนิทสนมกับมหาเศรษฐีพ่อค้ากาม “เจฟฟรีย์ เอปสตีน” ซึ่งฆ่าตัวตายในคุกตั้งแต่ปี 2019 เพื่อหนีความผิดขณะถูกดำเนินคดีแสวงหาประโยชน์ทางเพศจากเด็กสาวและผู้หญิงนับร้อยคน โดยเจ้าชายตกเป็นข่าวครึกโครมด้วย เมื่อถูกพาดพิงว่าเคยใช้บริการทาสกามของมหาเศรษฐีรายนี้ แถมซวยหนักเพราะดันเป็นผู้เยาว์อายุไม่ถึง 18 ปี เมื่อเดือน ส.ค.ปีที่แล้ว สำนักข่าวรอยเตอร์และเอเอฟพีรายงานว่า หลังราชวงศ์อังกฤษพยายามปฏิเสธข่าวอื้อฉาวดังกล่าวมาตลอด ในที่สุดเหยื่อสาวชาวมะกัน “เวอร์จิเนีย จุฟเฟร” (นามสกุลเดิมคือ โรเบิร์ตส์) วัย 38 ปี ก็ยื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯในแมนฮัตตัน โดยอาศัยกฎหมายเหยื่อที่เป็นผู้เยาว์ของสหรัฐฯฟ้องการกระทำที่เกิดย้อนหลังได้ ระบุว่า เธอโดนนายเจฟฟรีย์ล่วงละเมิดทางเพศหลายครั้งในช่วงปี 1999-2002 และให้พวกผู้ชายทรงอิทธิพลคนอื่นยืมตัวเธอเพื่อมีเพศสัมพันธ์ โดยหนึ่งในนั้นคือ “เจ้าชายแอนดรูว์”ในคำฟ้องแจกแจงว่า “เจ้าชายแอนดรูว์” ล่วงละเมิดทางเพศเธอ 3 วาระ โดยขณะเกิดเหตุเธอมีอายุเพียง 17 ปี เหตุการณ์ครั้งแรกเกิดที่บ้าน ในกรุงลอนดอนของ “กิสเลน แม็กซ์เวลล์” ไฮโซตระกูลดังของอังกฤษ ครั้งที่สองในแมนชั่นหรูกลางนิวยอร์กของนายเจฟฟรีย์ และครั้งที่สามบนเกาะส่วนตัวของเจฟฟรีย์ “ลิตเติลเซนต์เจมส์” ในหมู่เกาะยูเอสเวอร์จิน โดยเจ้าชายลงมือทำทั้งที่รู้ว่าเธอยังเป็นผู้เยาว์และเป็นเหยื่อค้าประเวณีหาก “เจ้าชายแอนดรูว์” ไม่สามารถไกล่เกลี่ยกับเหยื่อสาวได้สำเร็จ โดยยอมจ่ายเงินก้อนโตตามข่าว เพื่อแลกกับข้อตกลงยุติการฟ้องร้องคดีล่วงละเมิดทางเพศดังกล่าว ป่านนี้ราชวงศ์อังกฤษคงได้อับอายขายหน้าไปทั้งบาง เพราะเจ้าชายไม่มีเอกสิทธิ์คุ้มครองทางกฎหมายใดๆในอเมริกา ระหว่างการพิจารณาคดีจึงต้องตอบทุกคำถามในชั้นศาลเกี่ยวกับประวัติการมีเพศสัมพันธ์ของพระองค์ รวมถึงความสัมพันธ์กับนายเจฟฟรีย์ ที่เจ้าชายยืนกรานว่า ไม่เคยเสียใจที่คบเป็นเพื่อนด้วย ทั้งๆที่รู้ว่ามีพฤติกรรมไม่เหมาะสมทนายของ “เวอร์จิเนีย จุฟเฟร” ระบุในเอกสารที่ยื่นต่อศาลแมนฮัตตันว่า ทั้งสองฝ่ายบรรลุข้อตกลงนอกศาล แต่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเงื่อนไขทางการเงินใดๆ กระนั้น ส่วนหนึ่งในข้อตกลงคือ ราชวงศ์อังกฤษจะบริจาคเงินมากมายจำนวนหนึ่งแก่มูลนิธิการกุศลที่ก่อตั้งโดย “เวอร์จิเนีย จุฟเฟร” เพื่อนำไปช่วยเหลือเหยื่อค้าประเวณี ในเอกสารดังกล่าวยังระบุว่า “เจ้าชายแอนดรูว์” ไม่เคยมีความตั้งใจจะกระทำมุ่งร้ายต่อภาพลักษณ์ของจุฟเฟร และยอมรับว่าจุฟเฟรได้รับความเจ็บปวด ในฐานะเหยื่อการล่วงละเมิด ทางเพศ และเป้าโจมตีของสาธารณชน พระองค์สัญญาว่าจะสนับสนุนการต่อสู้กับกระบวนการค้าประเวณี เพื่อแสดงให้เห็นว่ารู้สึกเสียใจที่พลาดไปคบหากับพ่อค้ากาม กระนั้น ไม่มีการเปิดเผยว่าทรงยอมรับผิดหรือไม่ถือเป็นชัยชนะของโลกยุคดิสรัปชัน ที่ตอกย้ำว่าไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมายได้ ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นประธานาธิบดี, นายกรัฐมนตรี, มหาเศรษฐี หรือเชื้อพระวงศ์.มิสแซฟไฟร์