ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯและจีนขึ้นๆลงๆ เหมือนนั่งรถไฟเหาะตีลังกา พฤหัสบดี 18 มิถุนายน 2563 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ออกมาขู่รอบที่ล้านว่าสหรัฐฯมีทางเลือกมากมายที่จะยุติความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับจีนเขียนรับใช้ให้เข้าใจง่ายก็คือ ทรัมป์ขู่ที่จะเลิกคบค้าสมาคมกับจีน เรื่องนี้สร้างความตระหนกตกใจให้ไอ้ปื๊ดจำนวนหนึ่ง แต่คนที่รู้เช่นเห็นชาติทรัมป์มองว่า เป็นไปไม่ได้ แม้แต่ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ โรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ก็มองว่าการตัดความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐฯและจีนเป็นไปไม่ได้ ฟังที่ไลท์ไฮเซอร์พูด ทำให้เรานึกถึงคำของไทยที่ว่า ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ เศรษฐกิจของสองประเทศนี้มีความเชื่อมโยงกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ก่อนหน้านี้ ใครก็มองว่าทรัมป์มีโอกาสที่ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีอีกรอบ แต่เมื่อเกิดวิกฤติโควิด-19 ก็พบว่าทรัมป์แก้ไขปัญหาได้ไม่เจ๋ง ทำให้โอกาสที่จะกลับมาเป็นผู้นำอีกรอบของทรัมป์ลดหดไป ใต้สมองของทรัมป์ตอนนี้มีแต่เรื่องต้องทำทุกอย่างให้ชนะเลือกตั้ง มีไพ่แค่ใบเดียวในมือของทรัมป์คือจีน ทรัมป์จึงต้องบี้จีนให้ประชาชนคนอเมริกันเห็นที่น่าตกใจสำหรับทรัมป์และสำหรับเศรษฐกิจอเมริกันก็คือ ช่วงเดือนมกราคม-เมษายน 2563 จีนซื้อสินค้าเกษตรสหรัฐฯแค่ร้อยละ 13 ของสัญญา เป็นเงินแค่ 4,650 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯเท่านั้น เงินจำนวนนี้ ยังน้อยกว่าช่วงเดียวกันของปี 2560 มากถึงร้อยละ 40จีนเป็นประเทศที่ซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯมาก เมื่อจีนไม่ซื้อ เศรษฐกิจของสหรัฐฯก็ร่วง และเมื่อไปบวกกับหายนะภัยโควิด-19 ที่โจมตีเศรษฐกิจและสังคมสหรัฐฯ ก็ทำให้สถานการณ์ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ เบื้องหน้า ทรัมป์ขู่จีนอวดประชาชนคนทั้งหลาย แต่เบื้องหลัง ทรัมป์ก็ขอร้องจีนให้ช่วยซื้อสินค้าสหรัฐฯ วันพุธที่ 17 มิถุนายน 2563 ที่รัฐฮาวาย มีการประชุมกันระหว่างนายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของโปลิตบูโรของจีน นายปอมเปโอมาคุยเรื่องที่จะขอให้จีนช่วยซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ ทั้งถั่วเหลือง ข้าวโพด เอธานอล ฯลฯ นายปอมเปโอทวงสัญญาว่า จีนเคยสัญญาว่าจะซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ 36,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มจากที่เคยซื้อ 24,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯเมื่อ พ.ศ.2560ทรัมป์เล่นละครเก่ง 17 มิถุนายน 2563 ทรัมป์ยังใช้ให้รัฐมนตรีต่างประเทศของตัวเองไปเจรจาขอให้จีนซื้อสินค้า แต่พอถึง 18 มิถุนายน 2563 อ้าว ทรัมป์ออกมาขู่จีนอวดประชาชนคนอเมริกันและชาวโลกอีกแล้วเรื่องของหัวเว่ยก็เหมือนกัน ทรัมป์บอกกับทุกคนว่าไม่เอาแล้วหัวเว่ย ทรัมป์ห้ามหัวเว่ยทำธุรกิจในสหรัฐฯ ทุกคนบนโลกฟังทรัมป์แล้วก็เชื่อ ต่างบอกว่า อ้า หมดอนาคตแน่แล้วหัวเว่ยเอ๋ย ลื้อเข้าตลาดสหรัฐฯไม่ได้แน่นอนพอถึง 18 มิถุนายน 2563 กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯเผยแพร่ข้อบังคับใหม่ที่ให้บริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯสามารถกำหนดมาตรฐานเทคโนโลยี 5G และเทคโนโลยีใหม่ๆ ร่วมกับหัวเว่ยได้ กฎใหม่นี่อนุญาตให้มีการแชร์เทคโนโลยีบางชนิดของสหรัฐฯกับหัวเว่ยและบริษัทลูกได้ หากการแชร์เทคโนโลยีนั้น เกี่ยวกับขั้นตอนการกำหนดมาตรฐานเทคโนโลยีบนเวทีระหว่างประเทศการกลับไปกลับมาของสหรัฐฯในยุคของทรัมป์เป็นเรื่องที่น่าปวดเศียรเวียนเกล้าไม่ใช่เฉพาะแค่กับคนอเมริกันเองนะครับ แม้แต่ชาวโลกที่ไม่ได้เกี่ยวดองหนองยุ่งกับการเลือกตั้งสหรัฐฯ ก็อยากได้ประธานาธิบดีสหรัฐฯคนใหม่ หลายคนตั้งความหวังว่า สหรัฐฯจะกลับมาเป็นประเทศที่ได้มาตรฐานเหมือนเดิม ถ้าผู้สมัครประธานาธิบดีของพรรคเด็มโมแครต คือ โจ ไบเดน ได้เป็นประธานาธิบดี และจะยิ่งดี ถ้ารองประธานาธิบดีคนใหม่ชื่อมิเชล โอบามาจีนเจอวิกฤติโควิด-19 ก่อนใคร แต่แก้ไขได้ หลังวิกฤติโควิด-19 เศรษฐกิจจีนกลับมาเดินหน้าได้อีกครั้งอย่างมั่นคง ผิดกับสหรัฐฯที่เจอโควิด-19 ทีหลัง แต่ความอ่อนด้อยน้อยประสบการณ์ทำให้วิกฤติลามปามไปสู่เศรษฐกิจและสังคมถ้าแก้ไม่ได้ ก็ลามเข้าการเมืองแน่ทำให้ทรัมป์แพ้เลือกตั้งได้นะครับ.นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัยsonglok1997@gmail.com