หายหน้าหายตาไม่ออกสื่อไปพักใหญ่ จนมีเสียงลือหนักว่า “รี ซอล จู” ภริยาผู้นำสูงสุดแห่งเกาหลีเหนือ “คิม จอง อึน” โดนปลดซะแล้ว!! ตามคอนเซปต์ตั้งได้ก็ปลดได้สไตล์โสมแดง แต่ข่าวลือข่าวเม้าท์ก็ถูกสยบลงซะกริบ เมื่อมีภาพแพร่สะพัดผู้นำเกาหลีเหนือควงแขนเฟิร์สเลดี้เดินทางไปเยือนจีนอย่างลับๆเป็นครั้งแรก เพื่อพบหารือประธานาธิบดีสี จิ้นผิง โดยงานนี้โสมแดงให้คำมั่นเดินหน้าปลดอาวุธนิวเคลียร์ก็เพราะเบื้องหลังความสำเร็จของผู้นำโลก ล้วนแต่มีผู้หญิงเป็นแรงสนับสนุนสำคัญ บุคลิกยิ้มแย้มแจ่มใส และการแต่งตัวเรียบโก้ในโทนสีพาสเทลของ “รี ซอล จู” จึงช่วยดึงคะแนนจากสื่อจีนได้มากโข ทำให้บรรยากาศการพูดคุยครั้งนี้เป็นไปอย่างชื่นมื่น ขณะเดียวกัน ก็ล้างภาพความมุทะลุดุดันของผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ เปลี่ยนจากเด็กดื้อกลายเป็นเด็กดีที่อยู่ในโอวาทพี่ใหญ่แดนมังกรแม้จะไปเยือนจีนแค่ 2 วัน แต่สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งเกาหลีเหนือก็จัดเต็มวางแผนเรื่องภาพลักษณ์มาอย่างดี จนได้รับเสียงชื่นชมจากสื่อและประชาชนชาวจีนว่า แต่งเนื้อแต่งตัวได้ถูกกาลเทศะ ดูสวยโก้มีออร่า ไม่แฟชั่นเกินไป แต่ก็คลาสสิกเหนือกาลเวลา เรียบหรูดูดีมีสไตล์ แถมยังเนี้ยบกริบ อวยกันขนาดนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเอ็นดูของพี่ใหญ่มังกรที่มีต่อน้องเล็กเกาหลีเหนือแต่ถ้ากลับไปถามประชาชนชาวโสมแดงว่าชื่นชอบ “คุณนายคิม” แค่ไหน คงได้คำตอบแตกต่างออกไป ตลอดหลายปีมานี้มีประชาชนจำนวนมากไม่พอใจการใช้ชีวิตหรูหราฟู่ฟ่าติดแบรนด์เนมของสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง เพราะมันช่างคอนทราสต์กับชีวิตความเป็นอยู่ของคนเกาหลีเหนือที่ยังอดอยากยากจน นอกจากจะหัวสูง มีแบรนด์โปรดเป็นชาแนลและดิออร์ ยังมีกระแสวิจารณ์จากคนโสมแดงว่า มาดามคิมทำตัวไม่เหมาะสมเป็นภริยาผู้นำ เพราะมักนุ่งกระโปรงสั้นออกงาน แถมไม่ทำการทำงานอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ คนละเรื่องกับอดีตเฟิร์สเลดี้ผู้เป็นแม่ผัว ที่ใส่เครื่องแบบทหารหญิงทุกครั้ง เมื่อปรากฏกายต่อสาธารณชนเรื่องปิดบังเร้นลับเป็นของปกติในเกาหลีเหนือ แม้แต่พื้นเพความเป็นมาของ “มาดามคิม” ก็คลุมเครือ อายุของเฟิร์สเลดี้ถูกฟรีซไว้ที่ 28 มาหลายปี เช่นเดียวกับจำนวนทายาทที่เดี๋ยวเพิ่มเดี๋ยวลด เพิ่งจะคอนเฟิร์มจากหน่วยข่าวกรองเกาหลีใต้ว่า น่าจะมีลูก 3 คน โดยสองคนโตเป็นผู้หญิง ส่วนคนสุดท้องเพิ่งคลอดเมื่อปีที่แล้ว ยังไม่รู้ชัดว่าเป็นเพศชายหรือหญิงเมื่อเทียบกับสาวเกาหลีเหนือที่ดูเฉิ่มเชยล้าสมัย “มาดามคิม” ย่อมมีภาษีดีกว่าใคร เพราะเกิดมาในครอบครัวชนชั้นสูง พ่อเป็นอาจารย์ และแม่เป็นหมอ เคยไปเรียนร้องเพลงที่เมืองจีน ก่อนจะกลับมาร่วมเป็นสมาชิกทีมเชียร์ลีดเดอร์ของเกาหลีเหนือ ในปี 2005 ข่าวบางกระแสระบุว่าทั้งคู่แต่งงานเมื่อปี 2009 และมีลูกทันทีในปีถัดมา ขณะที่หลายกระแสรายงานว่า คู่นี้ปิ๊งกันครั้งแรกในงานคอนเสิร์ตดนตรีคลาสสิก เมื่อปี 2010ถึงจะสอบผ่านเรื่องภาพลักษณ์และการวางตัวต่อหน้าสาธารณชน แต่บัลลังก์ของฮูหยินใหญ่ก็สั่นคลอนมาเป็นพักๆ เพราะไม่สามารถให้กำเนิดลูกชายไว้สืบสกุล อาจเป็นเพราะเหตุนี้ “มาดามคิม” จึงหายหน้าหายตาไปจากสื่อบ่อยขึ้นเรื่อยๆ จะปรากฏตัวแค่ปีละครั้งสองครั้ง ผิดกับช่วงเห่อใหม่ๆ ไม่ว่างานสำคัญอะไรก็ต้องได้เห็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งยืนเคียงข้างผู้นำประเทศ โดยเฉพาะทุกครั้งที่มีการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งเป็นงานช้างของเกาหลีเหนือเห็นติ๋มๆเรียบร้อยแบบนี้ เมื่อหลายปีก่อน มีรายงานจากเดลี่เมลว่า “มาดามคิม” เคยสวมวิญญาณเมียหลวงลวงสังหาร โดยเป็นผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังคำสั่งยิงเป้าประหารชีวิตนักร้องชื่อดัง ซึ่งเป็นแฟนเก่าของผู้นำคิม พร้อมนักแสดงและคนในวงการบันเทิงอีก 11 ชีวิต เนื่องจากจับได้ว่าเป็นกิ๊กกับสามีมานาน.มิสแซฟไฟร์