ผู้อพยพชาติแอฟริกาพร้อมถุงบรรเทาทุกข์ ยืนต่อคิวที่สนามบินนานาชาติมิติกา ในกรุงตริโปลี ลิเบีย เตรียมขึ้นเครื่องกลับประเทศต้นทาง เมื่อ 5 ธ.ค. หลังชาติกลุ่มสมาชิกสหภาพแอฟริกาเริ่มนโยบายนำตัวพลเมืองกลับภูมิลำเนา. - นายโมฮัมหม็ด ซีนาตี อุปทูตลิเบียประจำประเทศไทย.ในปี 2554 พ.อ.โมอัมมาร์ กัดดาฟี อดีตผู้นำลิเบียที่ปกครองเบ็ดเสร็จมานาน 42 ปี ถูกโค่นลงจากอำนาจสืบเนื่องจากเหตุการณ์อาหรับ สปริงส์ ทำให้เรามีการเลือกตั้งในปีต่อมาได้รัฐบาลคองเกรสแห่งชาติ (General National Congress) ขึ้นมาบริหาร แต่เรื่องนี้ถือเป็นประสบการณ์ใหม่สำหรับชาวลิเบีย“ผู้คนยังไม่เคยชินกับเสรีภาพ เลยทำอะไรที่อยากจะทำ ประชาธิปไตยคืออะไรไม่รู้จัก อีกทั้งนักการเมืองพรรคต่างๆก็ไม่ชินกับกระบวนการ”เป็นคำพูดจากใจของ “โมฮัมเหม็ด ซีนาตี” อุปทูต สถานเอกอัครราชทูตลิเบียประจำประเทศไทย เปิดใจให้สัมภาษณ์ถึงดินแดนบ้านเกิดอันเก่าแก่ ที่ตกเป็นข่าวระดับนานาชาติอีกครั้ง หลังกลุ่มผู้อพยพชาติแอฟริกาที่ลักลอบเข้ามาในลิเบียเพื่อหวังข้ามทะเลไปยังยุโรป แต่กลับตกเป็นเหยื่อเครือข่ายค้ามนุษย์ ถูกเร่ขายเรียกค่าไถ่อุปทูตลิเบียปูพื้นให้ฟังว่า ในปี 2557 ลิเบียได้จัดการเลือกตั้งใหม่อีกครั้ง ตั้งสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งอยู่ในเมืองโตบรูก ขณะที่ฝ่ายบริหารอยู่ในกรุงตริโปลี แต่ในปีนั้นภาพความไม่ลงรอยของการเมืองก็เด่นชัดขึ้น จึงมีการเปิดเจรจาทุกฝ่ายภายใต้การสนับสนุนของสหประชาชาติ จนได้ข้อตกลง “ซูคิรัต” ลงนามในเดือน ธ.ค. 2558 สร้างสภาประธานาธิบดี และมีการจัดตั้งรัฐบาลเอกภาพ (Government of National Accord) ที่เป็นการรวมสมาชิกหลายพรรคการเมือง เตรียมการเปลี่ยนถ่ายอำนาจอย่างไรก็ตาม ยังมีความวุ่นวายอยู่ในพื้นที่ชนบท เกิดความขัดแย้งระหว่างหลายขั้วหลายกลุ่มกองกำลังติดอาวุธ ขบวนการลักลอบที่เข้ามาฉวยโอกาส ไปจนถึงความพยายามของกองกำลังรัฐอิสลามหรือไอเอสจากอิรักและซีเรีย ที่พยายามใช้ช่องโหว่ในห้วงเวลายากลำบากของลิเบียสร้างอิทธิพล เคยเข้ายึดครองเมืองเซิร์ท แต่รัฐบาลได้ขับไล่จนแตกฉานซ่านเซ็นไปแล้ว เมื่อปี 2559 ที่ผ่านมาจากภาพรวมทั้งหมดนี้ จึงโยงใยมาสู่ข่าวที่สื่อตะวันตกตีแผ่ออกมาว่าเป็น “การค้าทาส” อันน่าตกใจ เมื่อช่วงปลายเดือน พ.ย. ซึ่งอุปทูตชี้แจงว่า รัฐบาลลิเบียขอประณามการกระทำดังกล่าว กลุ่มผู้ก่อเหตุมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับรัฐบาลแต่อย่างใด และยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับกองกำลังติดอาวุธต่างๆในลิเบียหรือไม่ รัฐบาลอยู่ระหว่างการเปิดสอบสวนอย่างเป็นทางการ พร้อมรู้สึกเสียใจที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เนื่องจากขัดต่อหลักการและคุณค่าของอิสลามประเด็นนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่สำหรับรัฐบาลมาก แต่เรื่องไม่ได้เพิ่งเกิด เป็นตั้งแต่ยุค พ.อ.กัดดาฟีแล้ว ผู้คนจากแอฟริกาต่างเดินทางมาลิเบีย เข้ามาหางานทำ 2-3 เดือนเก็บค่าเดินทาง เพื่อหวังจะไปยุโรปเพราะวาดฝันอยากมีชีวิตที่ดีกว่าเดิม ซึ่งหากเจ้าหน้าที่พบ จะจับกุมส่งตัวเข้าค่ายพักพิงเพื่อคัดกรองกลับประเทศต้นทางต่อไป แต่จากการขาดเสถียรภาพของลิเบียในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ยิ่งทำให้ปัญหาลุกลาม“ตรงจุดนี้มองว่าเป็นเรื่องที่รัฐบาลลิเบียแก้คนเดียวไม่ได้ จึงพยายามร่วมมือกับชาติยุโรป ชาติเพื่อนบ้าน ชาติแอฟริกา จัดโครงการต่างๆ สนับสนุนด้านอาหาร ไปจนถึงความร่วมมือกับองค์การด้านผู้ลี้ภัยระหว่างประเทศ ทั้งประสานงานระดับนานาชาติพัฒนาชาติถิ่นฐานผู้อพยพ”เพราะเชื่อว่า หากประเทศต้นทางมีการพัฒนาที่ดี แก้ปัญหาปากท้อง มีงานทำ ผู้คนก็จะไม่หนีออกจากถิ่นฐาน ทั้งนี้ไม่ได้ทำเพื่อลิเบียอย่างเดียว แต่รวมถึงประเทศอื่นๆ และเชื่อว่าในระยะยาวจะช่วยแก้ปัญหาผู้อพยพหลั่งไหลเข้ายุโรปได้ด้วยนอกจากนี้ อุปทูตลิเบียยังกล่าวถึงความสัมพันธ์ไทย-ลิเบีย ที่ยาวนาน 40 ปี และกำลังจะครบ 41 ปีในเดือน มี.ค.2561 ที่จะถึงนี้ว่า มีความร่วมมือกันมาทั้งในด้านพลังงาน สาธารณสุข แรงงาน เศรษฐกิจ และการค้า แต่เสียดายที่หลังเหตุการณ์ปฏิวัติโค่น พ.อ.กัดดาฟี ทางการไทยได้ปิดสถานเอกอัครราชทูตลง เช่นเดียวกับอีกหลายประเทศแต่ปัจจุบันชาติต่างๆเริ่มกลับมาแล้ว อย่างรัฐบาลตุรกี อิตาลี เกาหลีใต้ ขณะที่บริษัทเอกชนก็เริ่มกลับมาสานต่อโครงการลงทุนในลิเบีย มีสาธารณรัฐประชาชนจีน ตุรกี เกาหลีใต้ อินเดีย มาเลเซีย ยกตัวอย่างตุรกี มีโครงการมูลค่าถึง 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่จีนมีมากกว่านั้น ซึ่งเหตุผลหนึ่งที่อยากเข้ามากันก็เพราะอาคารบ้านเรือนถูกทำลายไปมาก ต้องเริ่มต้นก่อสร้างกันใหม่“ด้วยเหตุนี้เอง รัฐบาลลิเบียจึงพยายามประสานกับรัฐบาลไทยอย่างต่อเนื่อง ให้เริ่มจากเปิดสถานทูตไทยในกรุงตริโปลีเหมือนเดิม อยากให้เข้ามาคุยเรื่องโครงการต่างๆกัน เข้าใจว่าเรื่องทั้งหมดขึ้นอยู่กับสถานการณ์ความมั่นคง แต่ไม่อยากให้ไทยเข้ามาช้ากว่าใครอื่น”ขอรับรองว่ารัฐบาลลิเบียจะทำอย่างสุดความสามารถอย่างแน่นอน และหวังว่าในอนาคตจะได้ต้อนรับคนไทยเพิ่มขึ้น.ทีมข่าวต่างประเทศ