ลุคมันได้! น้ำตาล-พิจักขณา วงศารัตนศิลป์ นางเอกสาวมากความสามารถ จากละคร “นับ 8” ทางช่อง 3 จอยสุดๆ กับบท “หลิน” ลูกสาวเจ้าของค่ายมวย แวดล้อมไปด้วยหนุ่มๆ ทั้ง ภณ-ณวัสน์, อ๋อง-สิทธานต์, โบ๊ท-ธารา เลยกลายเป็น “เจ่เจ้” เป็นที่เรียบร้อย หลังถูกส่งเข้าค่ายมวยฝึกซ้อมแบบจริงจัง ถึงขั้นจับมือ พี่ไผ่-พาทิศ เข้าร้านนวดแทนดินเนอร์หรูๆ ส่วนแต่งงานรอให้ทุกอย่างลงตัวเพราะอยากมีลูกเมื่อพร้อมใน “คนดังนั่งคุย”เล่น นับ 8 เป็นอย่างไรบ้าง“สนุกค่ะเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่ใฝ่ฝัน คือเราเป็นนักกีฬามาตั้งแต่เด็กอยู่แล้วแต่ว่าเป็นนักกรีฑา เราค่อนข้างชื่นชอบการออกกำลังกายมาตั้งแต่เด็กๆ แต่ว่าเรื่องนี้เราเป็นลูกสาวเจ้าของค่ายมวยเลย เป็นอาชีพถ้าเราไม่ได้มาเป็นนักแสดงเราคงไม่ได้เป็นแน่ ความเจ๋งของเรื่องนี้ก็คืออาปิ่น ณัฏฐนันท์ (ผู้จัดฯค่ายทีวีซีน) ส่งนักแสดงทุกคนที่จะเกี่ยวข้องกับกีฬามวยไปอยู่ในค่าย เหมือนเก็บตัวนักกีฬาหญิงจริงๆ เป็นการพูดคุยกับอาปิ่นบอกว่าถ้าเราเป็นลูกสาวเจ้าของค่ายมวย เราต่อยมวยไม่เป็น ดูเชิงมวยไม่ออกมันก็คงแปลก เราต้องเป็นให้ได้แบบนั้น ตอนเด็กๆตาลเคยเรียนกีฬาเทควันโด ก็คิดว่าน่าจะเอามาช่วยกัน แต่สุดท้ายมันแตกต่างกันมาก ไม่ว่าจะเป็นการออกอาวุธ การยืน การตั้งการ์ด ทุกอย่าง พอไปถึงที่นั่น พี่สามารถ พยัคฆ์อรุณ จับเปลี่ยนหมดทุกอย่างเลยแล้วก็ซ้อมเตะเพราะว่าการออกแรงดันสูงแรงไงก็ไม่เหมือนกัน”ซ้อมไปเกิดอาการเป็นท้อบ้างมั้ย “มันโหดแต่ว่ามันสนุกเพราะว่าเราได้เจอกับน้องๆทุกๆคนด้วยเรื่องนี้เราเป็นพี่ทำตัวมาก หมายถึงในแก๊งที่แบบเป็นรุ่นราวคราวเดียวกัน พอไปอยู่ตรงนั้นค่ายมวย เป็นการละลายพฤติกรรม ทำให้เราสนิทกันไว้มากๆ ซ้อมจริงจังเหมือนนักมวยเลย วันแรกโดดเชือกก่อน วิ่ง ต่อย เตะ เรียนท่าทางต่างๆ ไม่คิดว่าจะได้เรียนลึกขนาดนั้น”ไม่ได้คิดจะได้เจอก็ได้เจอ“ใช่ๆ อาจจะไม่ต้องดูแลหุ่นเท่าหนุ่มๆ ไม่จริงเลย อาปิ่น จัดให้เสื้อกีฬาโชว์เอว มีซีนต่อยมวยออกกำลังกาย เราก็ต้องฟิตไม่แพ้ผู้ชาย ต้องคุมน้ำหนัก ไม่เท่าหนุ่มๆ แต่เราจะเป็นสายมารนิดนึงเพราะว่า หนุ่มๆอยู่กองไม่ชกเขาก็หลับ เราจะไม่มีแก๊งคุย แล้วแก๊งเราจะมีโบ๊ท- ธารา เป็นแม่ๆช่างหน้า ช่างผม ซึ่งแก๊งนี้เป็นแก๊งกินอยู่แล้ว ปรึกษากันนี้มีโค้ดส่วนลดอะไร เราจะสั่งอะไรมาดี ใกล้ตรงนี้มีอะไรน่ากินก็ให้คนขับรถ หรือผู้จัดการออกไปซื้อของมาทำ ต้องมีทุกอย่างมากกว่าอาหาร 3 มื้อ ด้วยความกองละครเราใช้พลังเยอะ เราก็อยากให้ทุกคนกินสมบูรณ์”เล่นเรื่องนี้รายล้อมไปด้วยหนุ่มๆรุ่นน้องทำให้เราเป็นเจ่เจ๊ “แก๊งหนุ่มๆไม่ได้มองตาลเป็นพี่เท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะแซว แกล้งตาล และมีอะไรเขาจะให้ตาลรับจบ ถ้าฝากละครหรือทำอะไรที่เป็นทางการก็ให้ตาลเลยเพราะเป็นผู้ใหญ่แล้ว ในขณะเดียวกันใช้แรง แก๊งหนุ่มๆก็ให้เรารับจบเหมือนกัน แก๊งนี้ไม่ค่อยมองตาลเป็นผู้หญิง ความรักเกิดเฉพาะในละคร นอกจอเอ็นดูแซวตลอด ป้ามาทำอะไร (หัวเราะ)”โดนแก๊งหนุ่มๆเรียกป้า รู้สึกจี๊ดมั้ย“โบ๊ทตัวนำแซวเล่นเลย ก็ไม่อะไรเพราะอายุอานามเราก็ได้ด้วยไง แล้วพฤติกรรมของตาลเองปวดหลังง่าย เวลายืนซ้อมกันนานๆ ทีมงานจะเอาเก้าอี้มาให้เรานั่งแล้ว เขาเลยเรียกเราป้า อุ้ย! อยากนั่ง อยากเอนหลัง ยาดม ยาหม่อง ต้องเข้า เลยต้องยอมรับความจริง (ยิ้ม)” มีชวนพี่ไผ่ไปชกมวยบ้างมั้ยเพราะเป็นสายบ้าพลัง“ไม่ค่ะ ช่วงนี้คุณไผ่กำลังมุ่งมั่นกับธุรกิจใหม่ของเขา ช่วงนี้ไปพบได้ที่ตลาดจตุจักร ก่อนหน้านี้เขาชอบปลา ลำธาร ตอนนี้รับจัดตู้ปลา รับจัดตู้ลำธาร จำลองหิน ดิน ทราย ให้เป็นลำธารเสมือนจริงอยู่ที่บ้าน เพราะหลังๆเราห้ามเขาเข้าป่า เขาโอเค ได้ พี่ไม่ขึ้นป่า ไม่ขึ้นต้นน้ำ ไม่ดูลำธาร แต่เขานำมันมาอยู่ในบ้านเลย นี่เป็นวิธีการแก้ไขปัญหาของ ไผ่ พาทิศ สุดท้ายก็เกิดอาชีพในสิ่งที่เขาชอบจริงๆ เราไม่สามารถห้ามเขาไปเลยเวลาเขาขอไปดูป่า ดูนั่นดูนี่เขาบอกว่าไปหาแรงบันดาลใจ อยากดูปลาแบบนี้อยู่แบบไหน เขาดำน้ำไปดูแบบนั้นจริงๆ จนเรากลัว เขาลอยอยู่กลางน้ำตกเพื่อดูทัศนียภาพใต้น้ำมันเป็นยังไง เขาเป็นคนสุดจริง ในชีวิตนี้ยกให้เขาคนนึงเลย”เล่นเรื่องนี้ได้เล่าหรือบ่นละครเรื่องนี้ให้ไผ่ฟังบ้างมั้ย“ถ้าบ่นเขาจะต้องรับหน้าที่พาหนูไปกายภาพหรือพาไปนวด สมัยก่อนไปเดตกันตามร้านอาหาร ดูหนัง แต่ตอนนี้เราสองคนหาร้านนวด เพราะว่าอย่างเราออกกำลังกายแค่ในฟิตเนสเท่านั้น แต่การต่อยมวยเราได้ใช้ทุกส่วนตามร่างกาย ต่อสู้ ออกกำลังกายปวดเมื่อยไปหมด ส่วนตัวพี่ไผ่ก็ยกหินดินทรายปวดเมื่อยหลังเหมือนกัน เหมาะมากกิจกรรมคนวัยอย่างเรา ได้เวลาเข้าสู่โหมดกายภาพแล้วเป็นอะไรที่น่ารักดี อาจจะบ่นบ้างนิดหน่อยไม่หนักเท่าหนุ่มๆ หากิจกรรมรองรับ” ตั้งแต่คบกันพี่ไผ่มารับส่งที่กองบ้างมั้ย “ไม่เคยเลย ตั้งแต่คบกันมาไม่เคยไปกองถ่ายกันและกัน ถ้าเค้ามาเราจะกังวลไม่มีสมาธิเล่นละคร ถ้าตาลไปกองกับพี่ไผ่ เขาก็ต้องกังวลในรูปแบบเดียวกัน จะอยู่ไหน โอเคมั้ย เราค่อนข้างคัดกลุ่มไปเจอเขา บางทีที่เห็นตาลไปภูเก็ต ไม่ใช่ว่าเราไปเที่ยวด้วยกันนะ ตาลไปกับแก๊งณิชา พอแตะสนามบินปุ๊บเขาก็แยกไปดูต้นน้ำ ตาลอยู่กับเพื่อนลั้ลลา พอถึงวันกลับเขาก็ออกจากป่ามา เราออกจากทะเลพูลวิลล่ากับเพื่อนๆ เขาให้อิสระเราเต็มที่ เพราะตาไผ่ไม่ชอบการเม้าท์ ไม่เคยทำ ไม่เคยเอาเรื่องใครมาเล่าให้เราฟัง”ช่วงหลังๆตาลจะเป็นเจ้าแม่คอนเทนต์ เขาสู่โลกโซเชียลเต็มตัว“ต้องบอกว่าคนที่ลากตาลมาอยู่จุดจุดได้ก็คือแจ็คกี้ คือคนที่ทั้งผลัก ทั้งดัน และเหยียบตาลให้อยู่วงการนี้ บางคนคิดว่าตาลเพิ่งมาเป็นคนตลก พูดเก่งหลังจากเป็นเพื่อนกับแจ็คกี้ ที่จริงคลุกคลีกันมานานจะรู้ว่าตาลเป็นคนพูดเก่งมาก เพียงแต่เราไม่ชินกับการพูดคนเดียวเราจินตนาการไม่ออกมาพูดคนเดียว อย่างสัมภาษณ์เราจะมีการตอบโต้แต่การไลฟ์สดเราจะคุยยังไง แต่พอไลฟ์สดจริงๆ 3 ชม.ก็เอาไม่อยู่ (หัวเราะ) มันเหมือนมีเรื่องต่อไปเรื่อยๆ แฟนคลับที่เข้ามาพูดคุยกับเราก็ชอบแกงเราด้วย อย่างตาลใส่เสื้อขาด เขาก็บอกว่าเสื้อเหมือนแมลงสาบแทะ ก็ตลกดี บางคนเพิ่งรู้ว่าตาลเป็นคนเหนือจากการไลฟ์สด ทำให้คนได้เห็นเราอีกแง่มุมมากขึ้น คนได้รู้จักตัวตนเราจริงๆ บางคนมองว่าเราเป็นแบบนี้เพราะแจ็คกี้ (ชาเคอลีน มึ้นช์) แต่ความจริงไม่ใช่ ถ้าเราไม่ได้เป็นคนแบบนี้คบแจ็คกี้ไม่ได้ (หัวเราะ) แจ็คกี้พาไปเจอพี่ๆ น้องๆ อินฟลูฯ ต่างๆ ทำให้เราสนุก เอนจอยแต่เราก็อาจจะไม่ค่อยอัปอะไรบ่อยนัก เราก็ยังไม่ค่อยเก่งทำคอนเทนต์ เพราะก่อนหน้านี้เราเป็นคนอินโทรเวิร์ตมากๆ ตัวพี่ไผ่ก็อินโทรเวิร์ต ถ้าอยู่กับเขาแล้วอยู่ดีๆจับเขามาเต้นทั้งๆที่ตอนจีบกันเขาเต้นโชว์ตาลนะ เวลาไปเที่ยวด้วยกันเขาก็เป็นคนเต้นกินพื้นที่ค่อนข้างเยอะ พอถึงจุดจุดนึงเขาติสต์มากขึ้น เก็บตัวมากขึ้น ตอนนี้พยายามแงะให้เขาออกมามากขึ้น” จากข่าวโลก 2 ใบมีผลมั้ยทำให้เราต้องดึงเขาออกมาสังคมมากขึ้น“ไม่หรอก ตาลจะบอกว่าติ๊กต่อกพี่ไผ่มีคนตามมากกว่าของตาลอีก เขาทำคอนเทนต์เยอะ อยู่ดีๆพี่ไผ่ก็หยุดทำคอนเทนต์ไปเลย คือไม่มีตรงกลาง จริงๆเป็นคนเต้นเก่งมาก แต่ตอนนี้กระดูกสันหลังกับข้อเท้าอาจจะไม่เอื้อเหมือนเมื่อก่อน มีช่วงนึงเขาบู๊แหลก แอดเวนเจอร์มาก ไปเล่นเวกบอร์ด ถึงขนาดมีบอร์ดเป็นของตัวเองและขึ้นสิ่งกีดขวางได้ทุกอย่างจนเค้าหลังกระแทกน้ำ เลยเป็นจุดเปลี่ยนทำไมหลังๆไม่ฟิตหุ่นนั่นนี่ แต่จริงๆกว่าเราจะผ่านกระบวนการนี้มาได้ยากมาก เขาเคยสะดุดล้มที่ลานจอดรถไปกองกับพื้นร้องไห้เลยเพราะมันสะเทือนไปถึงหลังเค้า หนักมากช่วงนั้นต้องไปฝังเข็ม ทำให้ลดความโลดโผนลง ตอนนี้จัดตู้ปลาอยู่บ้าน เราก็สบายใจ”อัปเดตเรื่องแต่งที่ทุกๆคนลุ้นหนักมาก“จริงๆต้องโทษโควิด ก่อนหน้าแพลนใกล้มากกว่านี้ เพราะช่วงโควิดเหมือนกับว่าเราเอาเงินไปลงกับธุรกิจค่อนข้างเยอะ เปิดมาได้ 5-6 เดือนก็หยุด ทำให้เราเอาเงินในอนาคตของเรามาใช้ ช่วงนั้นเพิ่งเริ่มต้นทำธุรกิจกับที่บ้าน ทำฟาร์มที่แพร่ตอนนั้นลงทุนทุกสิ่ง กลายเป็นหยุดชะงัก ถ้าเราแต่งงานเราต้องไปโฟกัสชีวิตคู่มากขึ้น เราไม่ต้องการให้เขามาช่วยซัพพอร์ตเราตรงนี้ เราอยากทำให้บ้านเราแข็งแรงก่อน และเขาเริ่มทำธุรกิจ เราก็อยากให้เขาไปโฟกัสตรงนั้นก่อน ถ้าเราแต่งงานปุ๊บต้องใช้สตางค์แต่งงาน พอแต่งงานทุกคนคาดหวังมีลูกเมื่อไหร่ เรามองว่าเราอยากมีลูกเมื่อพร้อมเท่านั้น ถ้าวันนึงเรามีลูกเราไม่อยากให้เขามารับผิดชอบอะไรเรา อยากให้เขาเติบโตได้ใช้ชีวิตในแบบอย่างที่เขาอยากจะเป็น เราก็ต้องซัพพอร์ตลูกได้ หลังโควิดมาทำให้ตาลรู้สึกว่าชีวิตเราไม่แน่นอนเลย เราขอสร้างความมั่นคงก่อนที่จะสร้างสเต็ปต่อไป”. อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่