เพราะไฟในการทำเพลงกลับมาลุกโชนอีกครั้ง ศิลปินดีโว่เสียงทรงพลัง “เบน-ชลาทิศ ตันติวุฒิ” จากค่าย เทโร มิวสิค เลยขอลงมือแต่งเพลงเพราะๆถ่ายทอดหลากหลายเรื่องราวในชีวิตที่เคยพบเจอในโปรเจกต์ EP ALBUM ใหม่ล่าสุด ประเดิมซิงเกิลแรกกับเพลง “บังเอิญ” ชวน “กานต์ The Parkinson” มาร่วมแจม พร้อมเล่าความเป็น “เบน–ชลาทิศ” ที่เป็นนักร้องมาเกินครึ่งชีวิต เริ่มจาก...เล่าถึงเพลง “บังเอิญ” ให้ฟังหน่อย?“กับเพลง “บังเอิญ” เป็นเพลงจังหวะกลางๆที่มีความหมายที่น่ารักๆ ก่อนหน้านี้ถ้าคนนึกถึงเบนก็จะเป็นเพลงเศร้า เลยอยากทำเป็นฟีลน่ารักน่าหยิกแกมหยอก เพลงนี้เขียนขึ้นมาจากสิ่งที่เราเจอเอง เป็นปัญหาประจำครอบครัว เขียนแทนความรู้สึกของแฟนแต่ต้นเหตุคือเรา ก่อนนอนเค้าจะมีคำถามเสมอว่า “พรุ่งนี้ที่รักจะกินอะไรครับ” แล้วก็มักจะได้คำตอบจากผมว่า “กินอะไรก็ได้” มันก็ไม่ใช่อะไรก็ได้จริงๆ แต่สุดท้ายเราก็แฮปปี้ที่เค้าเทกแคร์เรา เค้าก็แฮปปี้ที่เรารักเค้า เพลงนี้ได้โปรดิวเซอร์ Manyx Boy ระหว่างที่เราเขียนเพลงก็จะนึกถึงเสียงของ น้องกานต์ The Parkinson แว้บเข้ามา แล้วปัญหานี้มันไม่น่าจะเป็นเฉพาะแค่แบบชายๆ น่าจะเป็นปัญหาของ Universal เลยคิดว่ากานต์เค้าอาจจะพูดในมุมความรู้สึกของผู้ชายที่มีกับแฟนเค้าได้ พอมาเข้าห้องอัด แยกกันไปกานต์ร้องในมุมมองที่เค้ามีกับภรรยา ผมก็ร้องในมุมมองที่มีกับแฟนของผม วิธีร้องคู่กันแบบ Octave ตลอดทั้งเพลง โปรเจกต์นี้ทำเป็น EP ALBUM มี 6 เพลง อยากจะจูนความเป็นดีโว่ลงมานิดนึงให้คนเข้าถึงง่ายมากขึ้น มีเพลงที่หลากหลาย ทั้งเพลงเร็ว เพลงช้า”อะไรทำให้อยากลดความเป็นดีโว่ลงมา ทั้งที่มันเป็นภาพจำของ “เบน ชลาทิศ”?“จริงๆ มันก็ไม่ได้อยากลดอะไรหรอกแต่ว่าอยากนำเสนออีกมุมว่าคนเรามันไม่ได้มีแค่อารมณ์ร่าเริงอารมณ์เศร้ามุมเดียว อยากจะเปิดมุมนี้ให้ทุกคนได้เห็น เพราะฉะนั้นเราคิดว่าน่าจะเปิดแนวเพลงใหม่ๆให้มันฟังสบายมากขึ้น”สีสันความหลากหลายใน EP ALBUM นี้?“เพลง บังเอิญ ซิงเกิลแรกของอีพีนี้ เป็นเพลงสบายๆ เพลงต่อไป เป็นภาคต่อของเพลง “คนข้างล่าง” 20 ปีผ่านไปคนข้างล่างวันนั้นน่ะพอวันถัดมามันคืออะไร และมีเพลงที่ได้ร่วมงานกับพี่ต๋อง เดอะ บีกินส์ มีแนวอิเล็กทรอนิกส์ด้วย และมีเพลงอย่าง “celebrate PRIDE MONTH” ก็เริ่มติดใจการทำ EP รู้สึกว่ามันเข้มข้นเหมือนคั้นหัวกะทิมาจริงๆ เราพยายามมองให้มันครบๆทุกมุม แล้วเป็นมุมที่เราอยากนำเสนอ ทั้ง 6 เพลงก็คือฟังวนไปได้เรื่อยๆ” การเดินทางครึ่งชีวิตดนตรีและการร้องเพลง พา “เบน ชลาทิศ” คนนี้มาขนาดไหน?“เริ่มจากเพลงแรก น่าจะ 22 ปี ก็เกินครึ่งชีวิตแล้ว ตอนนี้ทุกอย่างมันเกินฝันผมไปหมดแล้ว เหมือนใช้ชีวิตอยู่ในความฝัน ก็รู้สึกว่าเราโชคดีจังที่ได้ทำสิ่งที่เราอยากทำ ตั้งแต่เด็กเวลาใครถามว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร ผมจะบอกเลยว่าอยากเป็นนักร้อง อาชีพนี้เหมือนฝันจริงๆเรามีความสุขทุกๆวันในการไปร้อง เพลง ถึงแม้จะร้องเพลงซ้ำๆ หลายๆคนถามว่าทำไมร้องเพลงเดิมๆไม่เบื่อเหรอ ไม่เบื่อเลย แต่ละวัน มันคือเรื่องใหม่สำหรับผมที่ผมจะเล่า ทุกครั้งทุกคำพูดที่มันออกมา มันใหม่เสมอ ข้อดีของการเป็นนักร้องคือ เพลงมันทำให้เราหลุดไปอีกโลกหนึ่ง สำหรับผมไม่รู้ว่าเป็นเรื่องโชคดีหรือโชคไม่ดีที่ไม่ว่าจะมีเรื่องเครียดแค่ไหนซีเรียสแค่ไหน พ่อตายผมยังต้องขึ้นเวทีอะไร หรือว่าแม่ป่วยหนักมากแล้วเราต้องทำงานหนักเพื่อที่จะเอาเงินไปรักษาแม่ ทุกครั้งที่ขึ้นเวทีเหมือนเป็นช่วงเวลาที่เราได้หลบไปอีกโลกหนึ่ง ก่อนที่จะต้องกลับมาเจอความจริง อารมณ์เหมือนเล่นละครเวทีเมื่อม่านเปิดเราก็ต้องเป็นอีกคนนึง”แพชชันมันแบบอยู่กับเราตลอด?“ผมชอบการเพอร์ฟอร์ม ชอบการอยู่บนเวที เวลาเห็นคนฟีดแบ็กกับเรา มีความสุขมากที่ได้นำเสนอบทเพลง มันก็เป็นเรื่องท้าทายประจำวันที่ได้ทำอะไรสนุกๆ พอโตขึ้นมีหน้าที่การงานมีความรับผิดชอบการร้องเพลงก็ต้องสัมพันธ์กับชีวิตเรา อาชีพนี้ก็ทำให้เราสามารถได้มีชีวิตที่ดี ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ ดูแลคนที่บ้านได้”เวลาคนนึกถึง เบน ชลาทิศ ก็นึกถึงนักร้องเสียงทรงพลัง?“ขอบคุณจริงๆ จริงๆ เบน ชลาทิศ ร้องเพลงหลากหลายนะ ถ้าตามตั้งแต่วง Monotone จริงๆเพลงฮิตของเบนที่เป็นแนวดีโว่ไม่มีเลยนะ (ยิ้ม) เพลง ใกล้ คะแนนแห่งชีวิต คนข้างล่าง มันคือ Easy Listening หมด มันคงเริ่มตั้งแต่ช่วงคอนเสิร์ตบ้านเราบูมๆ ผมมีโอกาสขึ้นคอนเสิร์ตกับพี่ฉอด-สายทิพย์ บ่อยๆ ได้ไปร้องเพลงเงียบๆคนเดียว ในคอนเสิร์ตพี่นิ่ม สีฟ้า อยากขึ้นมาก ขอเค้าไปขึ้นด้วยนะบอกว่าร้องฟรีไม่เอาค่าตัว เป็นเกียรติมากๆเลยครับ ก็ผ่านมาตั้งแต่วันที่ทำเพลงกันเอง จนปีกกล้าขาแข็ง”ความเป็นมืออาชีพวันนี้ยังมีอะไรที่ยังตื่นเต้น?“ผมตื่นเต้นทุกงาน ถ้าคนใกล้ตัวผมจะรู้ว่า ไม่ว่าจะงานเล็กงานใหญ่จะตื่นเต้นแบบหายใจไม่ออก คนที่มาดูจะแฮปปี้มั้ย คนที่เค้าจ้างเราด้วย เราต้องแบกรับหลายอย่างมากซึ่งมันเลยกลายเป็นความกดดันที่อยากทำให้ดีที่สุด”ที่ผ่านมาเบนทำงานหลากหลาย แล้วงานที่จะได้เห็นปีนี้ล่ะ?“หลักๆคงเป็นงานเพลง อย่างงานแสดง อาจจะเห็นว่าเราไปเล่นแล้วหายไป อาจจะเพราะเราอยากทำอะไรที่อยากทำจริงๆ อย่างการเล่นโซเชียลเคยเล่นติ๊กต่อกตั้งแต่ช่วงนั้นคนยังไม่เล่น พอมีคนติดตามครบ 1 ล้านก็ไม่เล่น รู้ว่าเราทำได้แล้ว อย่างตอนที่ทำรายการ ล้างตู้เย็น ในยูทูบ จริงๆคือรายได้หลักเลย พอทำไประยะหนึ่งเริ่มอิ่มตัว แต่ถ้าเป็นผมคนเดียวเราคุยไปเรื่อยๆ พอมีแขกรับเชิญเค้าไม่ได้สนิทกับเรา เป็นคนไม่คุยกับคนแปลกหน้า มันแฮปปี้แค่ตรงนี้ เราแฮปปี้กับทีมงานทุกคนนะ เป็นอีกจุดหนึ่งที่เราตัดสินใจว่าพอดีกว่า เวลาร้องเพลงมันคนละแบบ เพราะเรามองว่าคนดูคือคนสนิทกับเรา” อีกภาพหนึ่งของ เบน คือความสนุกความสุขความแบบสร้างเสียงหัวเราะ?“เป็นตั้งแต่เด็ก ผมจะเป็นโรคทนไม่ได้ถ้าคนรอบตัวไม่สนุก จะเป็นคนที่แบบเอ้ามาสนุกกัน ตั้งแต่เด็กๆแล้วแต่เวลากลับบ้านจะคิดว่าทำไมเราเสียงแหบนะ แต่พอกลับบ้านปุ๊บผมเป็นคนเงียบมันเหมือนเป็นที่ชาร์จพลัง แต่ถ้าเกิดอยู่หลายคนต้องทำให้คนอื่นมีความสุข”แฟนอยู่กับเราที่บ้านเค้าเข้าใจมั้ย?“พอเราอยู่บ้านเราก็นั่งเล่นเกม รู้กัน”ต้องเป็นคนที่เข้าใจเรามากจริงๆ?“ความสัมพันธ์ของผมมันก็เป็น automatic นะ มันก็หวานกันตลอดเวลา มันเป็นออโต้ ไม่ได้เป็นการฝืนตัวเองที่ต้องเติมความหวาน”ในความพิเศษของความสัมพันธ์เบน หลายคนมองว่าเวลาเราบาลานซ์ยังไง?“น่ารักดีนะ เดินไปแล้วก็ตีก้นกัน ผมไม่ได้คิดว่าพวกผมพิเศษนะ มันไม่มีพวกผมที่ว่าพิเศษหรอกแต่ว่าผมโชคดีที่เค้าใส่ใจเรา เราจะมีหน้าที่ทำงานซัพพอร์ตคนที่บ้าน เค้าจะมีหน้าที่ดูแลเรื่องที่บ้าน พวกเราอยู่ด้วยกันตลอด 24 ชั่วโมง ก็จะเป็นเรื่องดูแล เรื่องความดูแลรับผิดชอบในบ้าน เป็นหลังบ้านที่แข็งแรงสุดๆ”แล้ว เบน-ชลาทิศ เวอร์ชัน ปี 2025 เป็นยังไง?“ในมุมมองของผมก็อยากกลับมาคอนเน็กต์กับดนตรี ที่ผ่านมาผมอาจจะเป็นศิลปินที่ค่อนข้างมีงานเพลงน้อยด้วยปัจจัยหลายๆอย่าง ระหว่างทางดันมีผลงานนั่นโน่นนี่ที่ทำให้อยู่ไปได้ยาวๆ มันก็เป็นข้อดี แต่อีกด้านข้อเสียมันก็ทำให้ช่องว่างของผมกับแฟนเพลงรุ่นใหม่ๆมันห่างกันมาก เลยอยากจะกลับมาแอ็กทีฟเรื่องการทำเพลง เพราะสุดท้ายถ้าเรามองตัวเองเป็นนักร้อง การทำเพลงก็ควรเป็นอันดับหนึ่งที่เราต้องทำ ผมเลยคุยกับตัวเองว่าหลังจากนี้อยากมีผลงานให้มันต่อเนื่องไป ย้อนไป 10 ปีก่อนเวลามีคนถามว่าเมื่อไหร่จะมีเพลงใหม่ เราก็ตอบว่าเดี๋ยวก่อนๆ แต่ตอนนี้คงถึงเวลาของมันแล้ว ไฟในการทำเพลงมันกลับมามากๆ อาจจะตั้งแต่อัลบั้มที่แล้ว All For Love เราอยู่บ้านแล้วรู้สึกว่าอยากเขียนเพลงจัง ซึ่งอารมณ์นี้มันไม่ได้มีมานานมาก เมื่อก่อนเราอยู่เบเกอรี่ มิวสิค เราโดนสปอยล์เป็นนักร้องของพี่บอย โกสิยพงศ์ ไม่ต้องเขียนเพลงเอง จนลืมไปแล้วว่าแต่ก่อนเราทำเพลงเอง ตอนทำอัลบั้ม All For Love ความรู้สึกเหมือนตอนทำ Monotone มันกลับมา มันต่อเนื่องเลยรู้สึกอยากทำเพลง ดีใจที่ได้ทำเพลงประกอบละคร เพลงต่างๆ หวังว่าทุกเพลงที่ผมมีความสุขในการทำจะทำให้ทุกคนที่ได้ฟังมีความสุขไปด้วยเหมือนเดิม เป้าหมายสูงสุดคือคอนเน็กต์กับเด็กๆยุคนี้ แต่อย่างน้อยก็อยากคอนเน็กต์กับแฟนเพลงที่ผมเคยมีครับ”.เรื่อง : สุภลัคน์ วุฒิกรีธาชัยอ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” เพิ่มเติม