ผ่านร้อนหนาวมาทุกสภาพอากาศกับวง “Better Weather” ที่เติบโตจากความ เป็นเพื่อนวัยเด็กที่ร่วมทำวงดนตรีสู่วงที่มีเพลงดังเป็นที่รู้จักและมีสไตล์ชัดเจน เดินบนเส้นทางดนตรีมากว่า 16 ปี ล่าสุด สมาชิก ดิว–ธนภัทร์ ธนากรกานต์ (ร้องนำ), ฟุ้ง–อัครชนช์ ราชปันดิ (กีตาร์) และ แจ็ค–พร้อมพงษ์ พรหมปัญโญ (เบส) เปิดตัววง “Better Weather” ในฐานะศิลปินใหม่ภายใต้สังกัด SPICYDISC (สไปร์ซซี่ ดิสก์) พร้อมซิงเกิลเปิดตัว “บ้านฉันเน็ตแรง” (Come with me free WiFi) ที่ผสมผสานกลิ่นอายความเป็นดิสโก้ เล่าถึงคนที่บังเอิญเจอกับใครสักคน จนเกิดอาการตกหลุมรักแล้วอยากเข้าไปเชื่อมต่อความสัมพันธ์ก้าวข้ามจากสถานะแค่คนที่เจอโดยบังเอิญมาเป็นคนรักโดยที่ตั้งใจ เลยชวนพวกเค้ามาพูดคุยถึงการเป็นศิลปินใหม่ประสบการณ์แน่นและการเติบโตของวงที่ยังเดินหน้าต่อด้วยไฟที่ยังลุกโชน เริ่มจาก...ถามถึงการกลับมากลับบ้าน SPICYDISC ซึ่งเป็นบ้านจุดเริ่มต้นของวง?ดิว “มันก็ถึงเวลาที่เราจะต้องกลับมาสู่บ้านหลังแรกของพวกเราครับ วงเราเริ่มจากวันแรกจากที่เพลง “ไม่รู้” ได้มาบันทึกเสียงลงในอัลบั้ม “U Band Battle Project I” ของ SPICYDISC ซึ่งเป็นอัลบั้มรวมเพลงจากศิลปินที่เข้ารอบสุดท้ายของการประกวด U Band Battle หลังจากนั้นเราก็ได้ไปอยู่ค่าย Sony และ Tero ยาวกว่า 13-14 ปี ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง กลับมาครั้งนี้ก็เหมือนเรายังได้เจอกับคนทำงานตั้งแต่วันแรกๆ เจอผู้ใหญ่ใจดีทุกๆคน บวกกับทีมงานใหม่ที่ไฟแรง ทำให้เรามีความสุขกับการทำงานอีกครั้ง”ฟุ้ง “ก็จริงๆผมอยู่ Spicy Disc ในฐานะโปรดิวเซอร์ เป็นพนักงานก็จะเข้า 10 ปี ไม่เคยห่างหายตั้งแต่วงออกมา วันนึงพอเราหมดสัญญา เราก็สัญญาใจกันไว้แต่วันแรกๆเลยกลับมาอยู่สไปร์ซซี่ ดิสก์ ถึงแม้ว่าเราจะมีอายุวงที่ยาวนานแต่ว่าความรู้สึกเหมือนเราเริ่มต้นนับหนึ่งเสมอ เรายังรู้สึกเฟรซกับการทำงานกับน้องๆ ทีมงานศิลปินน้องๆ ตื่นเต้นตลอด ไฟลุกโชกโชน จริงๆผมโปรดิวซ์ให้หลายวงในสไปร์ซซี่ ดิสก์ พอทำงานด้วยกันรู้สึกว่ามันง่าย คลิกกันไปหมด ก็แนะนำแชร์อะไรก็เหมือนเราก้าวไปด้วยกัน”แจ็ค “อย่างที่ฟุ้งบอกครับ คือจากปกติเมื่อก่อนเราโซเชียลน้อยมาก แล้วมาอยู่ที่ที่มีเด็กๆไฟแรง จากที่ไม่เคยเต้น ไม่เคยอะไรเลย มันก็มีคอนเทนต์มีอะไรทำ ก็รู้สึกสนุกครับ เหมือนการกลับมาครั้งนี้มันเติมเต็มอะไรที่เราไม่เคยที่จะทำจริงๆ” กับศิลปินรุ่นน้องๆล่ะ?ดิว “ดีครับ ผมว่าการคัดเลือกศิลปินของสไปซี่ดิสก์มันมีความเป็นครอบครัวเพราะฉะนั้นการที่เราอยู่ในครอบครัวเดียวกัน มันต้องมีเคมีที่เหมือนกัน”ฟุ้ง “คือ DNA ของสไปซี่ดิสก์ เราจะรู้ว่าวงนี้ใช่ คุยกันรู้เรื่อง”มองศิลปินรุ่นน้องเป็นยังไง?“เด็กๆเก่ง องค์ความรู้ครบ เรียกว่าเราต้องแชร์กัน วิธีการเขียนเนื้อของคนในยุคนี้ก็จะมีภาษาของคนยุคนี้ซึ่งเราอาจจะต้องแชร์กันศึกษากันว่าเด็กวัยรุ่นในยุคนี้เขาฟังกันแบบไหน”เราเริ่มค่ายใหม่ในวันที่เรามีชื่อเสียงมีตัวตนมาแล้ว มันมีความกดดันอะไรมั้ย?ดิว “ไม่กดดันเลยครับ ส่วนตัวรู้สึกว่ามันเป็นการชาเลนจ์เบาๆ เช่น การที่ไปเล่นตามแคมปัส มหาวิทยาลัยหรือโรงเรียน มันกลายเป็นเหมือนมิติใหม่ในการที่บางคนอาจจะเคยได้ยินเพลงของเรา แต่อาจจะไม่ค่อยเห็นหน้าตา เพราะฉะนั้นเราก็ต้องสร้างความประทับใจใหม่ สร้างความทรงจำใหม่ให้กับเค้า มันก็ทำให้เรารู้สึกมีการสูบฉีดของการเพอร์ฟอร์มที่มันแบบเฮ้ยอยากจะเอาชนะใจเค้าให้ได้ มันไม่มีความกดดันเลย ที่สำคัญคือมันเป็นความสุขมากกว่าคือได้เจอเพื่อนบ่อยขึ้น แต่ละคนมันก็โตขึ้นก็จะมีพาร์ตของแต่ละคน พอเรามีงานด้วยกันมันก็มีเรื่องต้องเจอกัน ถกกันและนอกจากเรื่องดนตรี เรื่องส่วนตัว สิ่งที่เราชอบร่วมกัน ฟุตบอลหรือเรื่องการทำอาหาร การกิน นู่นนี่นั่น สนุกดีครับ”ทิศทางเพลงของวง Better Weather จะเติบโตไปยังไง?ฟุ้ง “อย่างเรื่องเพลงผมอยากให้แฟนเพลงพอฟังเพลงขึ้นเพลงมาก็จะรู้ว่านี่คือเพลงของเรา มันเป็นสูตรในการทำงานของผม อย่างน้อย 10 วินาที มันต้องรู้แล้ว เมื่อก่อนเราก็ไม่ได้คิดเรื่องนี้ ทำไปเรื่อยๆ แต่เดี๋ยวนี้ทุกอย่างมันไวขึ้น ก็เลยทำยังไงก็ได้ให้รู้สึกว่า 10 วินาทีที่มันโดนเลย ถามว่าทำแนวไหน ท้ายที่สุดแล้วมันคือการที่คนฟังมันจำได้ว่าเป็น Better Weather เนี่ยผมว่ามันน่าจะสำคัญที่สุด”ดิว “ทิศทางของปีนี้ ซิงเกิลหน้าน่าจะอยู่ในช่วงของไตรมาสแรกครับ แล้วก็อยากให้มันมีความต่อเนื่องเพื่อที่จะนำไปสู่เทศกาลต่างๆ” เอกลักษณ์ตรงนี้ที่พูดถึงมันคืออะไร?ฟุ้ง “มันคือการเล่นที่เราเอาง่ายๆคือเล่นไม่เก่งแล้วก็ทำอะไรซ้ำๆจนคนจำได้”ดิว “เหมือนเป็นเอกลักษณ์ของวงที่มันเข้าใจได้ง่ายไม่ได้มีอะไรซับซ้อน ย่อยง่าย”เป็นไงบ้างกับการอยู่ด้วยกันมายาวนาน 16 ปี?ดิว “ผมว่าความโชคดีของผม 3 คนคือเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ประถมที่โรงเรียนอัสสัมชัญ ลำปาง รุ่นเดียวกันหมดเลย เพราะฉะนั้นเรื่องของการทำงานมันก็จะเป็นเหมือนการถ้อยทีถ้อยอาศัย รู้ใจกันรู้ว่าคนนี้ชอบหรือไม่ชอบแบบนี้ สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคนนี้คืออะไรไม่มีปัญหาทะเลาะกัน เราเข้าใจซึ่งกันและกันแล้วก็พยายามผลิตผลงานดีกว่า”กับการที่คนวงเราเป็นวงรุ่นพี่?ฟุ้ง “ไม่ค่อยมีคำนั้น ตอนนี้จะเป็นแนวมีคนมาถามประเด็นว่านึกว่าวงพี่เลิกไปแล้ว 90% ทุกคนจะบอกว่านึกว่าเลิกทำไปแล้ว บอกว่าพี่อย่าหยุดทำนะทั้งที่จริงๆเราก็ปล่อยเพลงออกมาตลอด”เวลาคนมาทักแบบนั้นรู้สึกยังไง?ฟุ้ง “เราก็แค่แนะนำไปครับ ว่าเพลงเก่าๆนะ มีนี่ๆปล่อยมานะ ตรงนี้ๆนะ คือเราเข้าใจยุคนี้ algorithm มันยากด้วย เราก็เลยต้องรู้ว่าต้องแก้จุดไหน เช่น เราอาจจะต้องทำคอนเทนต์ TikTok มากขึ้นหรือเปล่า หรือต้องเล่นโซเชียลให้มากขึ้น เพราะว่าการปล่อยยูทูบอย่างเดียว อาจจะทำให้เพลงไม่ถึงคนฟัง เพราะว่าตอนนี้มันมีช่องเยอะแยะมากมาย ก็เลยรับฟังจากคำแนะนำของแต่ละคน”ไม่ได้รู้สึกน้อยใจ?ฟุ้ง “ไม่ครับ ตอนนี้เราอาจจะไม่ได้เก่งเรื่องโซเชียลอะไรมากมายอาจจะต้องขยันมากขึ้นหรือเปล่า มันไม่ได้มีแค่เพลงอย่างเดียวแล้วมันมีอะไรอีกหลายอย่าง”รู้สึกยังไงที่เพลงแรกๆของเรา ผ่านเวลามานาน คนก็ยังจำได้ยังฮิต?ดิว “ดีใจครับ ช่วงหลังๆมาเวลาไปเล่นที่ต่างๆ อย่างเพลง Is This Love ถือว่าเป็นเพลงแรกที่อาจจะทำให้คนรู้จักเรามากขึ้น แฟนๆเค้าก็ร้องตามได้ ผมก็ดีใจนะบางทีเป็นเด็กๆ คนที่มาดูร้องได้ ส่วนมากจะเป็นรุ่นน้องๆ เรา ถือว่าเป็นเรื่องดีที่ได้ไปเล่นแคมปัสทัวร์ต่างๆ และต้องขอบคุณอินฟลูเอนเซอร์และคนที่มีเล่นคัฟเวอร์ที่ทำให้เพลงเราวนอยู่ อย่างเช่นล่าสุดที่เราไป อยู่บ้านเพื่อน โฮมสเตย์ น้องมอสน้องเค้าก็เอาเพลง อย่าเสียใจคนเดียว มาเล่นในเวอร์ชันให้กำลังใจ เค้าก็มาขออนุญาตบอกว่าคนนี้หายจากซึมเศร้าเพราะเพลงพี่เลยนะ เราได้ฟังเราก็รู้สึกว่าเฮ้ยเต็มที่เลย ใครอยากเอาเพลงเราไปทำประโยชน์ให้สังคมหรือแบบช่วยคน เรายินดีเลย ก็จะเจอเรื่องราวมีเยอะแยะมากมาย ล่าสุดไปเล่นคอนเสิร์ตที่ จ.พิษณุโลก มีคนที่เค้าป่วยเป็นสโตรก เป็นแฟนเพลงเรา แล้วกำลังจะหัดกลับมาเดิน เค้ามาดูเรา เราก็ร้องเพลงให้กำลังใจเค้า พูดให้กำลังใจเค้า มันไม่ใช่แค่เราให้เค้า เค้าก็ให้เราด้วยในเรื่องเดียวกัน เค้ายังอุตส่าห์มาฟังเราถึงแม้ว่าร่างกายเค้าอาจจะประสบปัญหาเรื่องสุขภาพ ก็ดีใจมากครับ”.อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” เพิ่มเติม