ฮอตเกินต้านทุกบทบาท หนุ่มสุดฮอต “กลัฟ-คณาวุฒิ ไตรพิพัฒนพงษ์” มุ่งหน้าเส้นทางสายศิลปิน ปล่อยซิงเกิลล่าสุด “WITH YOU” เพลงสไตล์ Pop ผสม Melodic Rap สื่อถึงความคลั่งรักการตกหลุมรักใครคนหนึ่งที่เราอยากเจอ คิดถึงตลอดเวลา ได้ “Lazyloxy” มา Feat. เพิ่มความสนุกโดยมีพี่ชายคนสนิท กอล์ฟ F.HERO เป็น Executive Producer งานนี้ชวน “กลัฟ” มาเล่า เริ่มจาก...เล่าถึงซิงเกิลล่าสุด “WITH YOU”“เพลงนี้ฉีกออกมา ตอนแรกทำเพลงอกหักไปแล้ว อยากลองเปลี่ยนมู้ดดู มีความป๊อปมากยิ่งขึ้น แต่ไม่ทิ้งความเป็นตัวเอง ใส่แร็ปในท่อน verse เข้าไป เราเป็นคนชอบแร็ปมากๆ เนื้อเพลงคือผู้ชายคลั่งรัก หลังจากเราปล่อย Congratulations ไปแล้วเราก็รู้สึกว่าเพลงต่อไปอยากให้มันสว่างมากยิ่งขึ้น อยากให้มีความน่ารัก เลยนึกว่าเราเคยอัดเพลงนี้เอาไว้เมื่อปีที่แล้วก็เลยทักมาหาพี่กอล์ฟว่าถ้าเกิดเอาโปรเจกต์นี้กลับมาทำต่อเนี่ยมันโอเคมั้ย พี่กอล์ฟบอกว่าดี เห็นด้วย เลยหยิบมาทำพาร์ตแร็ปเพิ่ม ตอนแรกได้ verse เดียวของผมก่อนก็คุยกับพี่กอล์ฟว่า ร้องเองดีมั้ยหรือหาคนมาฟีเจอริ่ง เราคิดว่าแร็ปเองหมดมันน่าจะเยอะไป อาจจะเหนื่อยไปสำหรับเราตอนที่ไปโชว์จริงๆ เลยชวนศิลปินมาฟีตเพราะอยากให้เพลงมีมิติมากขึ้น ได้พี่ท็อป “Lazyloxy” มา เราชอบผลงานเค้าอยู่แล้ว เค้าเป็นสไตล์ Melo dic Rap ใส่เสียงร้องใส่ลูกเล่นเลยเข้ากันมากๆ”ที่ไม่แร็ปเองหมดดูเป็นคน ที่ไม่ทำอะไร เกินตัว?“ใช่ครับ เรารู้สึกว่าเรามีแพชชันก็จริงแต่ว่าไม่อยากทำอะไรเกินตัวเพราะว่าสุดท้ายเดี๋ยวกลายเป็นว่าไอ้สิ่งนั้นมันจะกลับมาทำร้ายเราเอง เราเคยมีประสบการณ์ที่เราต้องไปโชว์ตามคอนเสิร์ตและร้องเพลงที่ทีมงานอยากให้ร้องหรือต้องร้อง ตอนเราฟังเพลงก็ประเมินแล้วว่าเราทำได้ออกมาไม่ดีหรอกแต่ยอมทำเพราะปฏิเสธไม่ได้ สุดท้ายผลออกมาแล้วฟีดแบ็กมันแย่ เราเลยรู้สึกว่าเราควรทำอะไรที่มันเหมาะกับตัวเรา ไม่ต้องพยายามทำให้มันเป็นสไตล์ใคร แค่ทำในสไตล์เราดีกว่า” เวลาใครบอกว่าควรปรับปรุงเราพร้อมเปิดรับ? “ใช่ครับ หลังจากเหตุการณ์ที่ผมเล่า ผมก็พยายามเรียนร้องเพลง จนสุดท้ายเราก็ดีใจนะที่เราก็พัฒนาตัวเองมาได้ จากเด็กที่ไม่เอาการร้องเพลงเลย รักดนตรี ชอบแร็ปมาตั้งแต่ ม.3 แต่ไม่ชอบร้อง พอเรามาทำงานในวงการนี้ด้วยมันก็เลยอาจจะต้องมีสกิลในการร้อง การแร็ปติดตัว ก็เลยไปเรียนเพิ่มครับ” จากคนร้องเพลงไม่เป็นก้าวข้ามมาแค่ไหน?“ใช้คำว่าร้องได้แล้วกันครับ อาจจะไม่ได้ร้องเพราะมาก” คนเริ่มเห็นพัฒนาการของเรา? “ดีใจมากครับที่คนให้การสนับสนุนเพลงของผมดีมาก เอาจริงๆผมก็รู้สึกว่ามันประสบความสำเร็จแล้วตั้งแต่วันที่ผมเริ่มกล้าทำเพลง กล้าร้องเพลงในงานอีเวนต์ ถามว่าปลดล็อกจากอะไรก็คงเป็นที่ผมได้มีโอกาสขึ้นคอนเสิร์ตบ่อยๆ เราได้ร้องเพลงที่เป็นสไตล์ตัวเอง สนุกเอ็นจอยมากๆ เลยยิ่งมีแพชชันตรงนี้ บวกกับพี่ๆเพื่อนๆรอบข้าง ไปเล่นกับพี่กอล์ฟหรือพี่ๆคนอื่นจะมาซิงก์มันก็ไม่ได้ ใจเราตอนนั้นสนุกเลยรู้สึกว่าพร้อม กล้าทำ”ให้คะแนนการแร็ปของตัวเองตอนนี้เท่าไหร่?“ก็ยังไม่ได้เพอร์เฟกต์เราก็พยายามพัฒนาขึ้น ให้สัก 7 เต็ม 10 เพราะดนตรีฮิปฮอปมีอีกหลายอย่างมากที่ต้องเรียนรู้และใช้เวลา” มองเส้นทางดนตรีข้างหน้ายังไง? “ไปต่อครับ มีเพลงที่ทำเดโมแล้วก็ดูเป็นเพลงต่อเพลงว่าช่วงนั้นอารมณ์อยากทำเพลงแบบไหน ผมอยากเห็นภาพตัวเองเป็นแร็ปเปอร์ ผมมองว่าไม่ค่อยมีใครที่เป็นดาราแล้วมาทางนี้ มันเป็นสไตล์ที่แตกต่างและเป็นตัวของตัวเองแล้วเราทำแล้วแฮปปี้สนุกด้วย ช่วงนี้ผมว่าคนเริ่มติดภาพมุมแร็ปเปอร์ของผมมากขึ้น ก่อนหน้านี้เหนื่อยมากในการทำให้คนมองภาพนี้ เพราะหลายๆคนเห็นผมมาก็ตราหน้าแล้วว่าไอ้นี่เด็กซีรีส์วาย ทั้งที่คุณยังไม่ได้มาชิมผมเลย (ยิ้ม)” ผ่านช่วงเวลาที่โดนแบบนั้นมายังไง? “ก็ทำครับ ต้องลงมือทำ ถ้ามานั่งพูดว่าอยากเป็นศิลปิน เป็นแร็ปเปอร์อย่างเดียว ไม่มีใครเชื่อหรอก”คำครหาคำวิจารณ์ต่างๆกระทบจิตใจเรามั้ย?“ก็กระทบนะครับ ดีตรงพาร์ตแร็ปไม่ค่อยโดน จะไปโดนในพาร์ตที่ผมไม่มั่นใจ เช่น พาร์ตร้อง พอไปเจอคอมเมนต์ต่างๆก็ไปเลย แต่มันก็ดีตรงที่เพื่อนๆพี่ๆผมเค้ามีแพชชันกันเยอะ เราเลยไปกับเค้าและรู้สึกว่าถ้าเกิดเรามานั่งกลัวคนนั้นคนนี้จะคิดยังไงเราก็ไม่ได้ทำสักที อยากให้เพลงไปถึงคนฟังวงกว้างแต่ก็ไม่อยากคาดหวัง เราเต็มที่ในพาร์ตของเรา การร้อง การแร็ป การโปรโมต หลังจากนี้ก็ให้แฟนๆที่ยังไม่เคยฟัง ถ้าเกิดได้มาฟังก็ให้เค้าเป็นคนตัดสิน”ตอนนี้กำลังไฟแรงมุ่งทางพาร์ตศิลปิน“เรากำลังสนุกกับมัน มันก็เป็นอีกหนึ่งจังหวะชีวิตที่ทำให้เราได้รู้ว่าเราจะไปได้มากแค่ไหน จะสนุกกับมันได้มากแค่ไหน” เคลียร์คิวทุ่มเวลาให้พาร์ตนี้? “ใช่ครับ เพราะผมรู้สึกว่าชีวิตหลัง 30 น่าจะต้องเป็นอีกพาร์ตนึงแล้ว เป็นพาร์ตที่อาจจะใช้ชีวิตมากยิ่งขึ้น ผมไม่สามารถบอกได้ว่าอีก 5 ปีผมจะเป็นอะไร อีก 10 ปีผมจะไปอยู่จุดไหน แค่รู้สึกว่าพรุ่งนี้จะเจออะไร มะรืนจะเจออะไร ปีหน้าอาจจะอยากไปทำอย่างอื่น เราไม่รู้ว่าระหว่างทางเราจะเจออะไรบ้าง กลัวแพลนยาวๆ แล้วไม่เป็นตามที่เราแพลน พอคิดแบบนี้มันทำให้เราโฟกัสวันต่อวัน และทำแต่ละวันให้มันดี อย่าง 5 ปีที่แล้วผมก็ไม่เคยมองว่าตัวเองจะได้เป็น BA GUCCI พอเราได้ทำงานได้เจอระหว่างทางก็ได้เจอว่ามันเหมาะกับเรา”ความเป็นกลัฟ-คณาวุฒิ เวลาไปงานใหญ่ระดับโลก ใจเราตื่นเต้นแค่ไหน?“ตื่นเต้นมากๆ เราเป็นเด็กตัวเล็กๆคนนึง ถ้าตัดความเป็น BA ความเป็นดารา เราก็เป็นแค่เด็กผู้ชายธรรมดาๆคนนึงที่นอนเลี้ยงแมวอยู่ที่ห้อง การที่เราได้ไปเจอศิลปินระดับโลกจริงๆดังมากๆ มันก็เป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆของเรา”ภายใต้ท่าโพสต์คูลๆของ BA นั้น ภายในใจคือความตื่นเต้นรัวๆ?“ตื่นเต้นมากกก...ก (ลากเสียง) ยิ่งไปตอนแฟชั่นวีก บางครั้งเราไปในฐานะคนไทยคนเดียว แล้วต้องไปยืนข้างศิลปินเคป๊อบระดับโลก เค้าระดับโน้น เราตัวแค่นี้เอง”เส้นทางที่ผ่านมาก็เจออะไรมาเยอะ แต่ “กลัฟ” ดูเป็นคนที่เจอดราม่าก็ปล่อยวางได้ง่าย?“ใช่ครับ ผมเป็นคนช่างมัน อะไรที่มันแย่ๆคิดแล้วปวดสมองก็พยายามช่างมัน” บางเรื่องก็หนักจนรุกล้ำมาหาเรา เราจัดการยังไง? “ก็พยายามพิจารณาว่าสิ่งที่เค้าพูดเป็นความจริงหรือเปล่า ถ้ามันเป็นเรื่องจริงที่เราควรปรับปรุง เราก็ปรับปรุง ไม่ทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว”เวลาคนตัดสินเราแบบที่เราไม่ได้เป็นล่ะ?“ก็แค่ช่างมัน เราต้องพิสูจน์ให้เค้าเห็นว่าเราเป็นแบบไหนต้องทำภาพตัวเองให้ชัดในด้านนั้น อย่างถ้าอยากเป็นแร็ปเปอร์ก็ต้องชัด ก็ต้องเข้มขึ้น แต่ยังไม่ทิ้งด้านการแสดง อยากเล่นบทบาทที่หลากหลาย” ในเพลงเราคลั่งรัก ชีวิตจริง คนแบบไหนที่เราจะคลั่งรักเค้า?“ชอบคนเก่ง คนรักครอบครัวและที่สำคัญต้องรักแมว ดูแลตัวเองได้”เพราะเราไม่มีเวลาดูแล?“ก็ใช่ครับ เพราะบางทีด้วยอาชีพของเรา เราทำงานไม่ได้เหมือนคนอื่น บางวันออกกองเลิก 4 ทุ่ม 3 วันติด อาจจะไม่ค่อยได้ให้เวลาเค้าเต็มที่” เลเวลเราที่คลั่งรักเหมือนในเพลงมั้ย? “ยิ่งกว่านั้นอีกครับ (ยิ้ม) ชอบตัวติดกันถ้ามีแฟน”ตอนนี้เปิดรับความรักแค่ไหน?“ไม่ได้ปิดเลย ผมรู้สึกว่าให้มันเป็นเรื่องของจังหวะดีกว่า เวลามีความรักผมเป็นสายแบบที่ต้องเจอตัวเป็นๆกันมากกว่าคุยกัน ถ้ามีแฟนอาจจะติดแฟน อยากเจอตลอด งอแง อาจจะมีได้แต่ต้องบาลานซ์ดี มีก็ดี ไม่มีก็ไม่เป็นไร มีก็ดีเพราะช่วยฮีลใจเวลาเราเหนื่อยๆ เค้าก็เติมพลังให้เรามีแรงทำงาน ตอนไม่มีก็เติมพลังจากแมว”การเป็นกลัฟยากมั้ยที่จะมีแฟน?“ยากมั้ยเหรอ ณ วันนี้ไม่ยากแล้ว เพราะผมคิดว่าพี่ๆหลายคนเข้าใจและรักในสิ่งที่ผมเป็นผม เราทำงานมาประมาณ 5 ปี พี่ๆแฟนคลับก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ แต่ก็มีคนที่อยู่กับเรามาตั้งแต่วันแรกจริงๆและรักเราจริง”.อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่