เป็นสายคอมเมดี้ตัวยง พีช-พชร จิราธิวัฒน์ นักแสดงหนุ่มมากความสามารถ ตกปากรับคำทันที หลัง เจแปน–ภาณุพรรณ ขึ้นแท่นผู้กำกับ เอ่ยปากชวนเล่นภาพยนตร์เรื่อง “ศึกค้างคาวกินกล้วย” ของค่าย คาร์แมน ไลน์ สตูดิโอ ประกบคู่ โจริญ 4EVE เสริมทัพเสียงฮาฉ่ำ เก้า-จิรายุ, นิกกี้-ณฉัตร, เจแปน–ภาณุพรรณ มีกำหนดเข้าฉาย 19 ก.ย.นี้ ซึ่งงานนี้หนุ่มพีชมากระตุกต่อมฮาก่อนวาร์ปไปเรียนต่อที่อังกฤษเริ่มจาก...ก “ในเรื่องผมรับบทเล่นเป็นเชิดครับ เป็นลูกของอาจารย์ระนาด เซียนขาว เขาเป็นคนมีความชอบเป็นของตัวเอง พ่อไม่ยอมรับในสิ่งที่เขาทำ พ่ออยากให้เล่นดนตรีไทย แต่เขาอยากเล่นดนตรีสากลมากกว่า เขาจะเป็นคนต่อต้านสิ่งที่คนบอกให้ทำ”หนังเรื่องนี้มีตรงจุดไหนที่ทำให้เราอยากเล่น “เจแปนเลยครับ บังคับให้เล่น (หัวเราะ) ไม่หรอกๆ จริงๆเคยทำงานด้วยกันตั้งแต่สมัยวัยรุ่นพันล้านแล้วเล่นด้วยกันมาก่อน พอเพื่อนคุยทำหนังเรื่องแรกด้วยก็โอเคได้ และทีมหนังก็เป็นทีมที่เจอกันบ่อยอยู่แล้ว ก็โอเคคิดว่าน่าจะสนุกดีเหมือนกัน ตอนคุยกับเจแปนน่าสนุกเหมือนเอาตลก 6 ฉากมาทำเป็นหนังน่าสนุกดีนะเพราะมาเกือบครบเลย อีกอย่างนึงเรื่องนี้มีเก้า-จิรายุ เพราะผมไม่ได้เล่นกับเก้ามานานแล้ว หนัง 13 ปีที่แล้วตั้งแต่ซักซี้ด ห่วยขั้นเทพเลย ได้เล่นด้วยกันคงตลกดี ตัวมัน (เก้า) เป็นคนติ๊งต๊อง”ตามบทเรื่องนี้เราต้องฟาดฟันกับเขาไม่ใช่เหรอ“มันก็จะตลกตรงนั้นแหละ ยิ่งไปกันใหญ่เลย มันเป็นคนชอบเล่นจริงจัง ทั้งๆที่ไม่ควรจริงจัง เหมือน 10 กว่าปีที่แล้ว ได้กลับมาเล่นด้วยกันอีก ดีเหมือนกัน เป็นอีกปัจจัยที่อยากเล่น” ทั้งพีช-เก้ามาเจอกันขนาดนี้แอบสงสารผู้กำกับเลย“เจแปนมันหาเรื่องเอง จริงๆ สงสารคนเล่นกับมันมากกว่า คอสตูมแต่ละอย่างให้เราแต่งตัวอะไรไม่รู้ อย่างเครื่องดนตรีมันเลือกเล่นที่ไม่ต้องตรงมือได้ แต่พวกเราต้องเล่นระนาด ต้องไปเรียนเพราะไม่มีพื้นฐาน”แค้นในตรงนี้ “มากที่สุด (หัวเราะ) ถามมันว่าเปลี่ยนเป็นถือตีกรับมั้ย ขับเสภาไป ส่วนเก้าเค้าเคยเล่นระนาดมาบ้าง พอไปเรียนระนาดจริงๆยากครับ”ร่วมงานกับโจริญ 4EVE เป็นครั้งแรกเป็นยังไงบ้าง “ครับ เค้าน่าจะร่วมงานกับหลายๆ คนเป็นครั้งแรก สนุก ตลก” เราละลายพฤติกรรมโจริญยังไงก่อน “ก็ถามนั่นถามนี่ไปเรื่อย เขาเป็นเด็กอารมณ์ดี เขาจะตื่นเต้นๆหน่อยในเรื่องก็มีสวีตบ้าง”ใครเขินใครมากกว่าหรือโจริญ “จะเหลือเหรอ สุดท้ายโรแมนติกแต่ตลกอยู่ดี เขาเป็นคนมีความพยายาม เขาจะแบบจะดีมั้ย โอเคมั้ย จนเข้าฉากเราดูออกเขาคิดเยอะ เครียด กลัว ก็บอกน้องใจเย็นๆ ไม่ได้เสียเวลาหรอก เราเข้าใจเป็นนักแสดงเรื่องแรกๆ จะชอบกลัวว่ากลัวทุกคนเสียเวลาถ้าไม่ได้ เสียเวลา 10 เทกแล้ว แต่คือไม่เป็นไร หน้าที่คือหน้าที่ทำให้มันได้ เสียเวลาไม่ใช่หน้าที่เรา เลยค่อยๆดีขึ้น จากแรกๆ จะกลัว กลัวคนอื่นรอ เสียเวลา พอเล่นเรื่องแรกเข้าใจ มันจะกลัวไปหมด อะไรถูกหรือไม่ถูก พอเริ่มจับทางได้ก็เป็นในทิศทางที่ควรจะเป็น”ร่วมงานกับตัวละครอื่นๆล่ะ “มีนิกกี้ เติ้ล อันนี้ตลกที่สุดสำหรับผม คือผมเล่นหนังตลกเราก็อยากตลกปะ แต่ในเรื่องไม่ได้ตลกเลย โกรธมาก เล่นเรื่องไหนไม่มีใครให้ผมเล่นตลก คับแค้นใจไง (ยิ้ม) แล้วแก๊งรอบๆ มันก็ตลกกัน”เรื่องนี้ทำไมถึงใช้เวลาถ่ายทำนาน“เพราะเจแปนอยากจะเล่าย้อนยุค มันมีเรื่องโลเกชันด้วยต้องถ่ายจังหวัด บางสถานที่การเดินทางลำบาก ใช้เวลา และมีถ้ำ ไม่รู้พี่ยอร์ช (ฤกษ์ชัย พวงเพ็ชร์ เจ้าพ่อหนังตลก) ติดใจอะไรกับถ้ำขนาดนั้น ไม่ว่าเล่นเรื่องไหนผมก็เจอถ้ำ เปลี่ยนถ้ำไปเรื่อยๆ แนะนำเรื่องหน้าทำเรื่องคนติดถ้ำ”เคยถามพี่ยอร์ชมั้ยทำไมต้องเป็นถ้ำ “ถามครับ แต่ไม่ได้คำตอบ พอเห็นสถานที่ก็จะรู้สึกเหนื่อยมากเลย ทำไมต้องเป็นถ้ำ (หัวเราะ) สงสารทีมงานแบกกล้องหนักๆ ขึ้นเขาไป เวลาลงตอนกลางคืนลำบากสุด”เห็นว่าต้องบินไปอังกฤษไปทำอะไร “ไปเรียนปริญญาโท ยังใช้ชีวิตกับการเรียน เรียนเกี่ยวกับศาสตร์การบริหารรูปแบบหนึ่ง จริงๆบินไปๆกลับๆมาเป็นปีแล้วครับ”บินบ่อยขนาดนี้กรุงเทพฯ-อังกฤษแค่ปากซอยหรือเปล่า “ไม่ครับ คิดทุกครั้งที่จะไปเราจะไปทำอะไร แต่เป็นอย่างนี้เป็นปีแล้ว รอบนี้ไปไม่นานมาก กลับสิ้นเดือน จะไปเดือนเลขคี่” ดูสนุกกับการเรียน “ไม่เชิงสนุกแต่เรียนไว้ก็ดี ผมไม่ชอบการเรียนแต่ผมชอบเอาไปทำอะไรได้มากกว่า ถ้าเรียนไม่ได้ใช้ผมว่ามันเสียเวลา ผมไม่ได้ชอบทำข้อสอบแต่เรียนได้กลับมาใช้ก็ดี”ไหนๆหลาน (ลูกพี่สาว) กำลังมา แล้วเมื่อไหร่เราจะแต่ง “ยังไม่ได้คิดเลย มีคนคุยผมรู้สึกว่าบียอน รู้สึกว่ามันไม่จำเป็น”พออายุขนาดนี้แม่เริ่มๆถามยังเมื่อไหร่ดี “ผมอายุ 30แล้วอะ อยู่ในจุดทำอะไรได้ด้วยตัวเองได้แล้ว ถ้าสมัยก่อนอายุ 30 โตมากแล้วนะ สามารถดำเนินชีวิตและสามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง เหมือนกันผมอายุ 30 มีสิทธิ์รับผิดชอบในแบบของตัวเอง”มีคุยๆ อยากอุ้มหลาน“ไม่เลย ไม่รู้ว่าจะเป็นเรื่องที่คุยกันแล้วได้อะไรด้วย ไม่รู้คุยทำไม”ช่วงหลังมีคุยไม่เปิดทำให้สบายใจขนาดไหน เพราะปกติพีชจะเป็นคนตรงๆ เปิดเผย“ไม่ได้เป็นปัญหาเลย ผมแบ่งชีวิตตัวเองทำงานไป ไม่เดือดร้อนใคร เราไม่พูดแล้วทำไมต้องพูด ไม่ได้อะไรกลับมาอยู่ดี”คนที่เราคุยๆ เขาน้อยใจ เข้าใจสถานการณ์เราแค่ไหน “ไม่รู้เหมือนกัน ไม่ได้คุยกันเรื่องนี้ เขาอาจจะไม่แฮปปี้ก็ได้ แต่สุดท้าย ไม่รู้สิ มันแยกกันก็ดีเหมือนกัน ทุกวันนี้เวลาหาชื่อยังเจอข่าวเก่าไม่รู้จะลากโยงทำไม หนึ่งเรื่องที่ทำไม่ดีก็จะมีคอมเมนต์นี่ไงเคยทำแบบนี้เอาไว้ สุดท้ายแล้วผมมองว่าเป็นประสบการณ์ชีวิตที่เราเรียนรู้แหละ เราแค่แอปพลายว่ามันเวิร์กหรือไม่เวิร์กยังไง เมื่อก่อนคิดว่าการพูดก็ดีไง มันง่ายแต่สุดท้ายมีข้อดีข้อเสียของมันเราก็เรียนรู้มากกว่า”.อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่